จากกรณีไฟไหม้ป่าเขาชะพลู-เขาแหลม จ.นครนายก ซึ่งเป็นวันที่ 5 หลังจากเกิดเหตุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา สมาคมตอบโต้ภัยพิบัติใช้โดรนบินตรวจสอบและมาร์คจุดตำแหน่งที่พบกลุ่มไฟ เพื่อถ่ายภาพให้กับทีมเฮลิคอปเตอร์บินไปดับไฟเพื่อความแม่นยำ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบว่ายังมีไฟไหม้บริเวณเขานางดำ พื้นที่หุบเขาที่มีกอไผ่และต้นไม่ใหญ่เป็นเชื้อไฟอย่างดี

คืบหน้าเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ ว่า ไฟป่านั้นดับแล้วทุกจุด ยังคงเหลือแต่กลุ่มควันบางส่วน ที่เผาไหม้ตามตอไม้ โดยทางกองอำนวยการควบคุมสถานการณ์ ได้ส่งทีมชุดเดินเท้า ขึ้นไปบนเขา เพื่อตรวจสอบว่ายังคงมีไฟหรือจุดเสี่ยงตรงไหนอยู่หรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่บางส่วนได้ถอนกำลังกลับที่ตั้งของแต่ละหน่วยงานแล้ว คงเหลือแต่ชุดเดินเท้าที่ส่งขึ้นไปด้านบนเขา ในส่วนของทางอากาศเฮลิคอปเตอร์ ได้หยุดการบินดับไฟแล้ว แต่ยังคงมีทีมตอบโต้ภัยพิบัติ ยังคงใช้โดรนจับความร้อน บินสำรวจพื้นที่บริเวณโดยรอบ เพื่อตรวจสอบว่ายังมีจุดความร้อนที่ยังเป็นกลุ่มไฟ หรือไม่

ต่อมาเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ทำเฮลิคอปเตอร์ จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ยกตัวขึ้นบินอีกครั้งจำนวน 2 ลำ เพื่อนำน้ำไปพรมเก็บรายละเอียดอีกครั้ง และมีรายงานเข้ามาว่าหลายพื้นที่ใน จ.นครนายก เริ่มมีฝนหลวงตกแล้ว แต่ยังไม่ถึงจุดไฟป่า กระทั่งเริ่มมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ซึ่งประชาชนในพื้นที่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ ต่างพากันแสดงความดีใจ ที่ฝนหลวงประสบความสำเร็จ หลังจากพยายามทำมาถึง 4 วัน จนมาสำเร็จในวันที่ 5 ถึงแม้จะสามารถควบคุมไฟได้ตั้งแต่ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา แต่ฝนนั้นได้มาช่วยทำให้พื้นที่ ที่ยังมีกลุ่มควันจากตอไม้นั้นเริ่มสงบลง และยังช่วยลดฝุ่นควันต่างๆ ในพื้นที่ ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนให้ดียิ่งขึ้น เพื่อที่จะได้ไม่ต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ และเจ้าหน้าที่เดินเท้าขึ้นเก็บรายละเอียดมาก เนื่องจากมีรายงานว่า พื้นที่ที่เสียหายจากไฟไหม้ครั้งนี้ ประมาณ 1,800 ไร่ ซึ่งกินเนื้อที่กว้างมากหากใช้เจ้าหน้าที่เดินเท้าไปบนเขา ก็อาจจะไม่ทั่วถึง และอาจจะเกิดกลุ่มไฟขึ้นมาอีกครั้งในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งจะมีกระแสลมแรงในทุกๆ วัน ซึ่งหลังจากนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะสรุปรายละเอียดความเสียหายต่างๆ รวมถึงแนวทางการฟื้นฟูป่าที่สูญเสียไป และจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

นายวีระพล สุดชาฎา ผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออก กล่าวว่า ได้ปฏิบัติการทำฝนหลวงมาตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค. ตลอดเวลา 3 วันที่ผ่านมา ฝนนั้นได้ตกบริเวณอื่น เนื่องจากปัญหาเรื่องแรงลมไม่เอื้ออำนวยจึงทำให้ฝนไปติดตามแนวเขาใหญ่ ไม่เคลื่อนตัวเข้าในพื้นที่ไฟป่า แต่วันสุดท้าย ได้ขึ้นบินเที่ยวแรกตั้งแต่ช่วงเช้า เมื่อสภาพอากาศเอื้ออำนวย จึงได้ขึ้นบินปฏิบัติการโจมตีกลุ่มเมฆอีกครั้งในช่วงบ่าย จนประสบความสำเร็จ ทำให้ฝนตกถูกเป้าหมาย บริเวณไฟป่าทั้งหมด ซึ่งตกลงมานานกว่า 30 นาที จึงทำให้ในพื้นที่ไฟป่าเกิดความชุ่มชื้น ทุเลาลง ถือว่าประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญพอดีกับทางเจ้าหน้าที่ ที่สามารถควบคุมไฟไว้ได้พอดี หลังจากนี้จะเฝ้าดูสถานการณ์อีกครั้งว่ามีปริมาณมลพิษต่างๆ มากหรือไม่ หากสถานการณ์เรื่องฝุ่น มลพิษต่างๆ ในพื้นที่ส่งผลกระทบกับประชาชน อาจจะมีการขึ้นปฏิบัติการเพิ่มเติมเพื่อให้ฝนนั้น มาบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนต่อไป.