เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 27 เม.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงคดี แอม ไซยาไนด์ ว่า ขณะนี้ได้กำชับตำรวจดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งทราบว่ากำลังทำงานอยู่เพราะเป็นหน้าที่ของตำรวจ ที่ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีฆาตกรรมที่มีผู้เสียชีวิตแล้ว 11 ราย และรอดชีวิต 2 ราย รวมมีเหยื่อ 13 ราย และเชื่อว่าน่าจะมีอีก โดยขณะนี้ได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้ตั้งศูนย์อำนวยการรับเรื่องร้องเรียนกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ หรือมีเบาะแสสามารถเข้ามาให้ข้อมูลกับตำรวจได้ตลอดเวลา ซึ่งตนได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กำกับดูแลในภาพรวมทั้งหมด พร้อมกำชับเรื่องการทำงานของตำรวจในการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ให้ครอบคลุมทุกมิติ รวมถึงทรัพย์สินต่างๆ ที่ได้ไปมาประกอบ เพราะเป็นคดีฆาตกรรมฆ่าไตร่ตรองหลายพื้นที่ ย้ำว่า หากใครมีญาติที่สงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ก็ให้มาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ศูนย์อำนวยการฯภาค 7 หรือโรงพักใกล้บ้าน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบหาพยานหลักฐาน 

ส่วนที่อดีตสามีของผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจและพี่สาวเป็นเภสัชกรนั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า ก็จะต้องสอบสวนทั้งหมดคาดว่าต้องใช้เวลา ซึ่งจากแผนประทุษกรรม เชื่อว่าผู้ต้องหาคิดว่าใช้วิธีฆาตกรรมแบบนี้จะไม่ถูกดำเนินคดี แต่สุดท้ายก็ถูกจับกุมตัวได้ ส่วนการก่อเหตุจะมีผู้ร่วมขบวนการด้วยหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ รวมทั้งที่มีกระแสข่าวว่า มีการออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานแต่อย่างใด  

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากนี้การตรวจชันสูตรของนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ จะตรวจอย่างเข้มข้นขึ้น และจะพิจารณาตรวจสารไซยาไนด์ในศพที่การตายผิดปกติ โดยจะเอาข้อมูลจากเคสดังกล่าว มาเป็นข้อมูลประกอบ.