เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่เขตเลือกตั้งที่ 4 หน่วยเลือกตั้งที่ 10 เต็นท์บริเวณที่จอดรถธนาคารออมสินภาค 2 ปากซอยสุขุมวิท 39 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ตั้งแต่เปิดหีบในเวลา 08.00 น. ประชาชนได้เริ่มทยอยเดินทางมาใช้สิทธิ และมีคนมีชื่อเสียง อาทิ นายกรณ์ ณรงค์เดช น.ส.ศรีริต้า เจนเซ่น ณรงค์เดช พร้อมครอบครัว น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมสามีมาร่วมใช้สิทธิด้วย

โดย น.ส.วทันยา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการใช้สิทธิเลือกตั้งว่า ตนตื่นเต้นและรอผลคะแนนการเลือกตั้งในช่วงค่ำคืนนี้ เพราะจะเป็นเสียงสะท้อนความต้องการความเปลี่ยนแปลงของประชาชน ทั้งแนวคิดด้านการเมือง และแนวนโยบายต่างๆ โดยในครั้งนี้เห็นว่าประชาชนตื่นตัวกับการเมืองที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 62 โดยเฉพาะการตื่นตัวของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งนี้ ตนอยากเรียกร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติหน้าที่ทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นกับผลการเลือกตั้งที่ออกมา โดยเฉพาะการเปิดให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสมากที่สุด เพราะผลการเลือกตั้งที่ออกมาจะถูกใจคนบางกลุ่ม และไม่เป็นที่ถูกใจของคนบางกลุ่มแต่เป็นสิ่งที่ต้องยอมรับ เพราะเป็นผลการตัดสินใจของประชาชน

ดังนั้น กกต. ต้องมีหน้าที่ว่าจะทำอย่างไรให้ผลการเลือกตั้งที่ออกมามีความบริสุทธิ์ โปร่งใสและน่าเชื่อถือ ไม่ทำให้เป็นที่เคลือบแคลง และน่าสงสัย เพราะจะทำให้เกิดปัญหา ความวุ่นวายและกระทบกับความน่าเชื่อถือของผลเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นตามมา โดยหลังจากนี้ตนจะไปปักหลักติดตามผลการเลือกตั้งที่ที่ทำการพรรค ปชป.

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล เดินทางมาถึงหน่วยเลือกตั้งในเวลา 09.31 น. เพื่อใช้สิทธิเลือกตั้ง

นายพิธา ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตนมีกำลังใจดี และหลังการใช้สิทธิเลือกตั้งตนจะพาน้องพิพิม ลูกสาวไปรับประทานข้าว และใช้เวลาร่วมกันเพื่อชดเชยในช่วงเวลาที่ผ่านมา จากนั้นในช่วงบ่ายตนจะเดินทางไปที่ที่ทำการพรรคก้าวไกล เพื่อลุ้นผลการเลือกตั้ง สำหรับผลการเลือกตั้งที่จะออกมาถือว่าพวกเราทำเต็มที่แล้ว

เมื่อถามว่า บรรยากาศการเลือกตั้งในปีนี้เป็นอย่างไรบ้าง นายพิธา กล่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกสนุก คึกคัก ดีใจ ไม่ได้รู้สึกเหนื่อย เพราะได้มีโอกาสพบพี่น้องประชาชนระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง จึงเป็นเหมือนการเติมพลังไปเรื่อยๆ และหลังเลือกตั้งก็จะลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนต่อ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ฐานเสียงของพรรคก้าวไกล ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น ซึ่งถูกมองว่าอาจจะไม่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเท่าที่ควร จะเชิญชวนคนกลุ่มนี้ให้ออกมาใช้สิทธิอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ขอเชิญชวนให้คนทุกรุ่นทุกวัยทั้งรุ่นใหม่ และรุ่นใหญ่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกันเยอะๆ ทั้งนี้ ตนคิดว่าอย่าดูถูกคนรุ่นใหม่ เพราะพวกเขารักในหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงของเขามากกว่าที่พวกเราคิด

เมื่อถามว่า คาดหวังการทำหน้าที่ของ กกต. อย่างไรบ้าง นายพิธา กล่าวว่า คงเหมือนในอดีตที่ผ่านมาแต่ในวันนี้ยังไม่ได้เห็นภาพอะไร แต่กองอำนวยการการเลือกตั้งของพรรคก้าวไกล ก็จับตาดูอยู่ และรายงานข้อมูลทุกชั่วโมง นอกจากนี้เรายังมีทีมเทคโนโลยีของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล คอยเก็บข้อมูล และจะทำงานร่วมกับองค์กรพลเมือง เพื่อคอยนับคะแนนในแต่ละหน่วย เพื่อหวังว่าจะทำให้ประชาชนมั่นใจในผลการเลือกตั้งมากขึ้น

เมื่อถามว่า จะสื่อสารกับคนที่ไม่เข้าใจพรรคก้าวไกล และนายพิธา ให้กลับมาไว้วางใจอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า สื่อสารวันนี้คงไม่ได้ แต่ก็ขอให้ออกมาใช้สิทธิใช้เสียงในการเลือกตั้งกันเยอะๆ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร จะโหวตให้ตนหรือไม่โหวตให้ตนก็ยินดีรับใช้ท่าน ในฐานะนักการเมืองคนไทยต่อไป

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าเมื่อคืนวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา มีการซื้อสิทธิขายเสียง นายพิธา กล่าวว่า มีการร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ของพรรคก้าวไกล เข้ามาตลอด โดยเราจะรวบรวมหลักฐาน และส่งให้กับกองอำนวยการเลือกตั้งพรรคก้าวไกล และฝ่ายกฎหมายของพรรคว่าจะทำอย่างไรต่อไป เมื่อถามย้ำว่า การซื้อเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ถือว่าดุเดือดกว่าครั้งที่แล้วหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า มีอะไรที่ตนไม่เคยได้ยินมาก่อนมากพอสมควร และพบว่าเป็นกลเม็ดใหม่ๆ จึงอยากให้ กกต.ตามให้ทัน ที่กังวลใจคือบัตรเลือกตั้งแบบเขตไม่มีชื่อผู้สมัคร ถ้ามีอะไรเกินมาจึงเป็นสิ่งที่น่ากังวล

นายพิธา กล่าวต่อว่า โดยตนอยากจะรู้ตัวเลขหลังปิดหีบว่ามีคนออกมาใช้สิทธิเท่าไหร่ หากมาใช้สิทธิมากกว่าปี 62 หรือเกินกว่า 72% ก็จะดีต่อประชาธิปไตยทั้งระบบเพราะแสดงถึงเจตจำนงของประชาชนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้คนออกมาใช้สิทธิ 100% เต็มหรือ 52 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ถ้าได้ประมาณ 80% ก็คิดว่าทั่วโลกคงอิจฉาที่ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยไม่แพ้ใคร แต่ตนเชื่อว่าครั้งนี้คนจะออกมาใช้สิทธิกันมากเป็นประวัติการณ์อย่างแน่นอน