เมื่อวันที่ 26 พ.ค. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เรื่อง #ประธานสภา ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เป็นเรื่องความเห็นไม่ตรงกันของพรรคร่วมรัฐบาลที่เล็กมาก ถ้าหากเทียบกับภารกิจที่ประชาชนมอบความไว้วางใจให้พวกเรามา ดังนั้นพรรคร่วมรัฐบาลต้องจับมือเกี่ยวแขนกันไว้ให้มั่นคง ทำภารกิจยุติสืบทอดอำนาจรัฐประหาร พาประเทศไทยกลับสู่ประชาธิปไตยให้สำเร็จจงได้ พวกเราต่างก็รับทราบวิธีคิด หลักการ เหตุผล ของทุกฝ่ายชัดเจนแจ่มแจ้งในประเด็นนี้กันแล้ว

“ดังนั้น ผมขอให้เรื่องตำแหน่งประธานสภานี้ ให้พรรคร่วมรัฐบาลกลับไปพูดคุยกันผ่านตัวแทนแต่ละพรรคในวงเจรจาจะดีที่สุด ตอนนี้ ขอให้ทุกพรรคเดินหน้าทำงานปรับจูนนโยบายร่วมกัน ตั้งรัฐบาลให้สำเร็จตามความคาดหวังของประชาชนครับ” นายพิธา ระบุ

ทางด้าน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ (ปช.) อดีตประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงคุณสมบัติของประธานสภาฯ ว่า ประธานสภาฯ และฐานะประธานรัฐสภา ต้องทำหน้าที่ประสานงานกับสมาชิกทุกพรรคการเมือง เพื่อทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม เป็นตัวแทนของรัฐสภาทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงต้องมีความเหมาะสมในหลายประการ เพราะเป็นเบอร์หนึ่งของฝ่ายนิติบัญญัติ เรื่องประสบการณ์เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ความตั้งใจย่อมสำคัญกว่า ไปจนถึงความเหมาะสม บุคลิกภาพการวางตัวก็สำคัญ ส่วนอายุนั้นไม่น่าจะเป็นอุปสรรคสำหรับยุคสมัยนี้ เดี๋ยวนี้คนหนุ่มคนเก่งเยอะ อาจจะดีกว่าผู้สูงอายุด้วยซ้ำไป

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า อุปสรรคสำหรับเวลานี้คือพรรคเสียงข้างมากที่จะจัดตั้งเป็นรัฐบาล ต้องตกลงทำความเข้าใจกันว่าจะเสนอบุคคลใดเป็นประธานสภาฯ เพราะไม่เช่นนั้นจะมีความขัดแย้งตั้งแต่ตอนต้นเมื่อเข้าไปโหวตในสภาฯ ก็จะมีปัญหา โดยทุกครั้งจะมีการตกลงชื่อบุคคลก่อนเข้าไปสู่การโหวต และตามธรรมเนียมส่วนมากก็เป็นพรรคอันดับ 1 ที่จะมานั่งทำหน้าที่ประธานสภาฯ นอกจากในบางครั้งที่มีความจำเป็นเท่านั้นอาจจะไม่ใช่พรรคอันดับ 1 ซึ่งเกิดขึ้นได้น้อย ส่วนพรรคอันดับ 2 ที่ร่วมรัฐบาลและไม่ได้เป็นประธานสภาฯ จะได้โควตารองประธานสภาฯ คนที่ 1 และพรรคอันดับ 3 จะถูกวางตัวเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ตามลำดับ

“ผมไม่ขอก้าวล่วงทั้งสองพรรค เพราะเราอยู่คนละพรรค มันไม่ดี แต่เชื่อว่าการนั่งในตำแหน่งนี้มีความเหมาะสมทั้งสองพรรค ขึ้นอยู่กับข้อตกลงและความจำเป็น ส่วนจะจะต้องให้เกียรติพรรคก้าวไกลเสียงข้างมากอันดับ 1 หรือไม่ ก็เป็นการตัดสินใจ เมื่อเขาเป็นพรรคใหญ่ควรจะตกลงกันได้ เขารู้ว่าอะไรควรจะทำ ผมคิดว่าทุกอย่างจะตกลงกันได้”

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวต่อไปว่า อยากให้คุยกัน ซึ่งยังมีเวลาจนกว่าจะมีการรับรอง ส.ส.ทั้ง 500 คน ควรจะคุยกันภายในให้ตกลงกันได้ระหว่างหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคทั้งสองฝ่าย ไม่ควรจะเอาความขัดแย้ง ไปกระจายออกข้างนอก เพราะประชาชนมีความหวังว่ารัฐบาลใหม่จะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในประเทศและต่างประเทศได้ ถ้ามัวทะเลาะกันความเชื่อมั่นก็จะลดไป ดังนั้น ไม่ควรเอาความขัดแย้งแสดงออกข้างนอก การสร้างความเข้าใจหาข้อตกลงที่ดี ควรทำเป็นการภายในจะดีกว่า

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) ควรจะยอมถอยหรือไม่นั้น นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ไม่ขอก้าวล่วงทั้งสองพรรค เพราะเป็นคนนอกพรรค

เมื่อถามว่า รายชื่อแคนดิเดตประธานสภาฯ ของพรรคก้าวไกล อย่าง นายณัฐวุฒิ บัวประทุม และนายธีรัจชัย พันธุมาศ มีความเหมาะสมหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ทั้งสองคนเชื่อว่าเป็นไปได้ ทั้งคู่มีความสนใจในบทบาทการประชุม ได้ข้อบังคับศึกษาไว้พอสมควร เชื่อว่าปรับปรุงอีกนิดหน่อยก็สามารถทำได้หากมาทำหน้าที่ประธานสภาฯ จริง เชื่อว่าทุกอย่างสามารถศึกษาและเรียนรู้ได้ ซึ่งนายณัฐวุฒิเองก็ทำหน้าที่ได้ ประการแรกมีความตั้งใจสูงและสนใจงานของรัฐสภา จากที่ตนได้สังเกตตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา เขามีความสนใจงานสภาอย่างมาก ทั้งบทบาทในกรรมาธิการรวมถึงการใช้ข้อบังคับให้เป็นไปอย่างมีประโยชน์ ต่อการที่จะอภิปรายต่างๆ

ขณะที่ นายสุธรรม แสงประทุม ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวว่า อยากให้ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการให้ชัดเจนเพื่อให้กลไกทางสภา ที่ประชาชนคาดหวังสามารถเดินหน้าต่อไป ทั้งการสรรหาตำแหน่งประธานสภาฯ ภายใน 15 วัน ทั้งยังชื่นชมฝ่ายประชาธิปไตยที่ฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาลได้เชื่อว่าเมื่อกลไกที่ประชาชนมอบความไว้วางใจเดินต่อไปความเชื่อมั่นต่างๆ ทั้งการลงทุนความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนของนานาประเทศจะดีขึ้น

ส่วนกรณีตำแหน่งประธานสภาฯ ที่ยังมีความเห็นต่างกันอยู่บ้างนั้น อยากให้ฝ่ายประชาธิปไตยปรึกษาหารือกัน ซึ่งยังมีเวลาอีกประมาณ 15 วัน เพื่อหาคนที่เหมาะสมที่สุด ไม่ใช่ดีที่สุดสำหรับพรรคใดพรรคหนึ่ง อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างสันติ โดยตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นกลไกสำคัญในการจะต้องมาทำงาน ไม่อยากให้กลไกลนอกสภาฯ มาพลิกผันเจตนาลวงจากการเลือกตั้ง เชื่อว่าทุกฝ่ายตกลงกันได้ในเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ โดยเอาประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง ขณะที่เอ็มโอยูก็เดินหน้าไปได้ 90% แล้วไม่อยากให้การแสดงความเห็นนอกระบบ มาก่อกวนหรือเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย เพราะประชาชนฝ่าฟันใช้ปากกาเข้าคูหาสู้กับอำนาจมืด มากำจัดวงจรสืบทอดอำนาจอย่างมหัศจรรย์ที่สุด จึงไม่อยากให้สิ่งที่ประชาชนมอบหมายมาเสียของ ชนะตามครรลองระบอบประชาธิปไตย การแสดงเจตจำนงประชาธิปไตยที่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ชีวิตตนเคยเห็น เช่น 14 ตุลา หรือพฤษภาทมิฬ ครั้งนี้เป็นการแสดงออกตามระบอบรัฐสภาที่เป็นเจตจำนงของประชาชน

เมื่อถามว่า ปัญหาเก้าอี้ประธานสภาฯ จะเป็นแรงกดดันถึงขั้นให้ พรรค พท. ถอนตัวจากการจัดตั้งรัฐบาลเลยหรือไม่ นายสุธรรม กล่าวว่า ไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น เพราะพรรค พท. มีวุฒิภาวะ ทางการเมืองผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะประสบความสูญเสียที่หนัก การยึดอำนาจแต่ละครั้ง การทำลายพรรค หลายหนทุกรูปแบบทำให้เราทนทานและมีความเป็นผู้ใหญ่เพียงพอ จึงเชื่อว่าพรรค พท.จะรับรู้ความรู้สึก ความคาดหวังของประชาชนและเป็นผู้ใหญ่ที่จะนำพาเจตนารมณ์นี้ให้ประสบความสำเร็จได้ เชื่อว่าฝ่ายประชาธิปไตยทุกพรรคมีความปรารถนาดีต่อบ้านเมืองและคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน ที่สำคัญที่สุดคือต้องการหาทางออกให้บ้านเมืองสงบสันติ
ซึ่งอาจจะมีอุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ และระหว่างกระบวนการอาจดูยุ่งเหยิงบ้าง แต่อยากให้เห็นผลสัมฤทธิ์ ผลสำเร็จเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมตนคาดหวังเช่นนั้น

เมื่อถามถึง ข้อเสนอที่จะให้คนของพรรคการเมืองอื่น เช่น พรรคประชาชาติ (ปช.) ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ แทนนั้น หากสองพรรคตกลงกันไม่ได้ นายสุธรรม กล่าวว่า ต้องให้สภาเป็นผู้หาคำตอบ เข้าใจว่าความคาดหวังมีหลายแบบแต่ท้ายที่สุด ที่ลงทุนเลือกตั้งใช้งบประมาณมหาศาลและรอคอยกันมาอยากเห็นดอกผลนี้ปรากฏเป็นจริงไม่อยากให้มีคำว่าเสียของเสียโอกาส เพราะถ้าเสียโอกาสครั้งนี้จะน่าเสียใจมาก ไม่อยากทำให้ประชาชนเสียใจอยากให้เดินไปอย่างราบรื่น เพราะหนทางข้างหน้ายังมีอีกเยอะที่ต้องร่วมไม้ร่วมมือกัน เชื่อว่าเรื่องจุกจิกต่างๆ จะคลี่คลายได้ถ้าร่วมมือร่วมใจกัน

เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นหัวขบวนร่วมต่อกรกับพรรคก้าวไกล และไฟเขียวให้คนของพรรค พท. ทำเช่นนั้น นายสุธรรม กล่าวว่า ไม่มี เพราะนายทักษิณให้ความเมตตาคนรุ่นใหม่เสมอ และเคารพเจตนารมณ์ของประชาชน และเป็นผู้ถูกกระทำโดยละเมิดหลักการมาโดยตลอด เชื่อว่านายทักษิณเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนง่ายๆ ซื่อๆ ตรงไปตรงมาที่สุด เท่าที่ตนคบมา บางครั้งแสดงออกง่ายเกินไป ซื่อเกินไป ก็ทำให้เกิดความเข้าใจท่านผิดไปอีก ส่วนตัวปรารถนาให้นายทักษิณกลับมาเลี้ยงลูก เลี้ยงหลาน และนำประสบการณ์มาช่วยบ้านเมืองต่อไปตามช่องทางที่คนสูงอายุคนหนึ่งให้กับบ้านเมืองได้ ไม่เชื่อว่าจะมีใครสามารถชี้นำเจตนารมณ์อันยิ่งใหญ่ของประชาชนได้

เมื่อถามถึง การรีทวีตข้อความนายดวงฤทธิ์ บุนนาค และนายทักษิณ อาจถูกตีความถึงนัยที่เปิดไฟเขียว นายสุธรรม กล่าวว่า เป็นเพียงความเห็นประกอบที่อาจมีการบ้าง แต่ท้ายที่สุดเชื่อว่าทุกฝ่ายน่าจะหยุดท้วงติงได้แล้วให้สภาเป็นทางออกรวม เพราะตั้งแต่นี้ไปรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งจะเป็นที่ถูกเถียงทุกปัญหาลดข้อขัดแย้งหาข้อสรุปที่ดีกว่าให้ได้ทุกเรื่องและขอเรียกร้องให้กรรมการการเลือกตั้งดำเนินการเรื่องนี้ตามครรลองเพื่อจะเลือกประธานสภาฯ เลือกนายกรัฐมนตรี จัดตั้งรัฐบาล นำนโยบายดีๆ ไปดำเนินการ อย่างน้อยดีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่แน่นอน