สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ว่าเทศบาลกรุงเคียฟรายงานว่า กองทัพรัสเซียปฏิบัติการโจมตีทางทหารในหลายเขตของเมืองหลวง เมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันครบรอบการสถาปนากรุงเคียฟ หรือ “เคียฟเดย์” โดยการโจมตีซึ่งใช้อากาศยานไร้คนขับแบบติดอาวุธเป็นหลัก ถือว่ามีจำนวนมากที่สุด นับตั้งแต่กองทัพรัสเซียเปิดฉากปฏิบัติการทางทหาร เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 และเป็นการโจมตีครั้งที่ 14 ในเดือนพ.ค.


เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 3 คน จากการโจมตีครั้งนี้ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับโครงสร้งพื้นฐานหลายแห่งในกรุงเคียฟด้วย ขณะที่กองทัพยูเครนอ้างการยิงสกัดโดรนอย่างน้อย 58 จาก 59 ลำ รวมถึงโดรนกามิกาเซ่ของอิหร่าน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่า กองทัพรัสเซียส่งโดรนเข้ามาจำนวนเท่าใดกันแน่

เจ้าหน้าที่ผจญเพลิงพยายามควบคุมสถานการณ์ ที่อาคารหลังหนึ่ง ในกรุงเคียฟ ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนักจากโดรน


อีกด้านหนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศอิหร่านออกแถลงการณ์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เป็นบุคคลที่ “เสพโฆษณาชวนเชื่อและสื่อตะวันตกมากเกินไป” เพื่อเรียกร้องขอความสนับสนุนทางทหารและการเงินจากกลุ่มประเทศตะวันตก “ให้ได้มากที่สุด” เท่านั้น


ถ้อยแถลงดังกล่าวของอิหร่าน เป็นการตอบโต้การแถลงของเซเลนสกี ว่ารัฐบาลเตหะรานยังคง “สนับสนุนและสมคบคิด” กับปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน โดยนับตั้งแต่การสู้รบเปิดฉาก เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 รัฐบาลเคียฟกล่าวว่า รัสเซียใช้อากาศยานไร้คนขับแบบติดอาวุธรุ่น “ชาเฮด” ของอิหร่าน ไปแล้วอย่างน้อย 1,160 ลำ


แม้นายฮอสเซ็น อมิราบโดลลาเฮียน รมว.กระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน เคยกล่าวว่า รัฐบาลเตหะรานมอบความสนับสนุนด้านอากาศยานไร้คนขับแบบติดอาวุธให้แก่รัสเซีย แต่เป็นการดำเนินการซึ่งเกิดขึ้นก่อนรัฐบาลมอสโกเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารในยูเครน.

เครดิตภาพ : AFP