เมื่อวันที่ 30 พ.ค. นายประสาท พาน้อย นายกเทศบาลตำบลโนนสะอาด พร้อมด้วย จ่าเอก คุณากร ภักดีแขก เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลตำบลโนนสะอาด นายณัฐพล มาเหล่านาถ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 17 นายฤชุพันธ์ ศรีภูวงศ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 15 ตำบลโนนสะอาด พาคณะสื่อมวลชน ลงพื้นที่บริเวณท้ายไร่ของชาวบ้านวังแคน-วังคูณ ตำบลโนนสะอาด อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งพบช้างป่า 2 ตัว ที่ยังวนเวียนห่างจากหมู่บ้านประมาณ 2 กม. คาดว่าน่าจะเป็นช้างป่าหลงจากฝูงมา จากภูหลวง จังหวัดเลย โดยผ่านมา 2 อาทิตย์แล้ว ยังไม่มีเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาผลักดันให้ช้างป่ากลับคืนสู่ธรรมชาติ

ภายหลังผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึง พบชาวบ้านวังแคนวังคูณร่วม 20 คน จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงลักษณะของช้างที่พบเห็นเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ เพียงแต่ดูอยู่และสังเกตการณ์อยู่ในระยะไกล ซึ่งช้างป่าทั้ง 2 ตัว ก็ยังไม่ได้ทำลายทรัพย์สินมากนักหรือชาวบ้านจนได้รับบาดเจ็บ เพียงแต่เดินออกมาหากินตามท้องไร่ท้องนาของชาวบ้านที่แวะผ่านเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านยังคงไม่กล้าออกไปทำไร่ทำนาและกรีดยางพารา เพราะกลัวจะได้รับอันตรายจากช้างป่า จึงอยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องหาวิธีผลักดันให้ช้างป่า 2 ตัว กลับคืนสู่ธรรมชาติต่อไป

ด้าน จ่าเอกคุณากร กล่าวว่า 1-2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ตนเองพร้อมเจ้าหน้าที่สถานวิจัยและพันธุ์พืช กรมอุทยาน และชุด ชรบ.บ้านศรีภูทอง และบ้านวังโพนคึมน้ำเกลี้ยง ตำบลโนนสะอาด ได้เฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของโขลงช้าง จำนวน 2 ตัว มาโดยตลอด และบางวันช้างได้ลงมาถึงที่พักอาศัยและกินพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้าน ก่อนขึ้นกลับเทือกเขา

จ่าเอกคุณากร กล่าวต่อว่า จากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่อุทยานภูหลวง ที่มีความชำนาญ บอกว่า หากอาหารอุดมสมบูรณ์ช้างจะกลับมากินอีก เท่าที่สังเกตจะเห็นว่าช้าง 2 ตัวนี้ จะไม่มีอาการดุร้าย แต่หากช้างไม่อิ่ม หรือหิว เมื่อถูกผลักดันช้างอาจจะมีอาการดุร้าย จึงต้องรอให้กินอิ่มและกลับเข้าป่าโดยธรรมชาติ จึงขอร่วมมือให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำในท้องถิ่น ได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านได้รับทราบ และบอกต่ออย่าเข้าใกล้ หากพบเห็นให้แจ้งผู้นำท้องถิ่นทราบ ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

ขณะที่ นายฤชุพันธ์ เล่าว่า จากการที่ชาวบ้านพบเห็นโขลงช้างป่าเข้ามาหากินพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านในพื้นที่ ตนเองได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยทราบว่าได้มีการติดตามการเคลื่อนไหวของโขลงช้างป่าจำนวน 7 ตัว มาร่วม 2 เดือนแล้ว และทราบว่า 5 ตัว ได้เดินทางกลับไปในพื้นที่เขาจังหวัดเลย ส่วนอีก 2 ตัว กำลังเฝ้าติดตามอยู่ห่างๆ

“คาดว่าช้างป่าดังกล่าวคงจะหวนกลับพื้นป่าเดิมอีกในวันถัดไป ตนเองยังสงสัยว่าโขลงช้างเป็นสัตว์มงคลคู่กับชาติไทย แต่ทำไมเจ้าหน้าที่จึงไม่ดำเนินการหาทางผลักดันให้โขลงช้างกลับไปในพื้นที่เขตอนุรักษ์ของอุทยานฯ กลับปล่อยปละละเลยอย่างนี้เมื่อช้างกินพืชผลของเกษตรของชาวบ้านก่อให้เกิดความเสียหาย หรือทำลายทรัพย์สินแล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ” ผญบ.ศรีภูทอง กล่าว.