กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากบนโลกออนไลน์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ “น้องหยก” เยาวชนอายุ 15 ปี อดีตผู้ต้องหา ม.112 ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุข้อความว่า ได้ใส่ชุดไปรเวท และย้อมสีผมทำทรงผมที่สะดวกไปโรงเรียนมาหลายสัปดาห์แล้ว แต่ตนก็เข้าเรียนตามปกติทุกคาบที่มีเรียน พร้อมกับชี้ว่า ปัญหาคือโครงสร้างของการศึกษาไทย ไม่ใช่การแต่งกายที่จะชี้วัดผลของการศึกษาได้

ล่าสุด วันที่ 14 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา น้องหยกได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กว่า ถูกโรงเรียนไล่ออกแล้ว โดยระบุข้อความว่า “13 มิถุนายน 2566 วันนี้เราถูกเรียกเข้าไปคุยหลังจากเข้าคาบเรียน ครูบอกขอคุยแต่เราขอเรียนก่อน (เขาเฝ้าเราหน้าห้อง) พอเลิกเรียนเราก็ไป เขาให้เพื่อนที่เป็นหัวหน้ากับรองหัวหน้าไปด้วย

เราเข้าไปมีครูที่เป็นรอง ผอ. 2 คน ครูผู้ชาย 2 คน ครูประจำชั้น 2 คน ครูผู้ชายว่าเราว่าไปทำอะไรมา ทำไมถึงโดนตาม ทำไมเราถึงไม่ปลอดภัย เราขอให้โทรฯ หาผู้ปกครองเรา เรากดอัดเสียงเพราะเราอยากจะแจ้งผู้ปกครองเราว่าครูทำอะไร ครูถามว่าเราไลฟ์เหรอ เราบอกว่าไม่ใช่ แต่เราบอกไปตรงๆ ว่าเราอัดเสียง ครูผู้ชายก็พูดขึ้นมาว่า รักษาสิทธิแต่ละเมิดสิทธิคนอื่น เราถามละเมิดสิทธิคนอื่นตรงไหน เขาตอบ ก็อัดเสียง

เรารู้สึกอึดอัดรู้สึกไม่ไหวเลยขอออก แต่ครูเขาก็ห้าม เขานั่งขวางทุกทางเราเลยหาทางออกแต่ไม่มีทางให้ออก ข้างหลังเป็นหน้าต่าง ข้างหน้ามีโต๊ะ เราเลยเลือกที่จะคลานมุดโต๊ะออกไป สุดท้าย รอง ผอ.ผู้หญิงหนึ่งในสองคนบอกเราว่า จะคืนค่าเทอมให้ และครูพูดใส่เราว่า จำไว้นะว่าเธอคือบุคคลภายนอก”

หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ได้มีชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นหลากหลาย ทั้งคนที่เข้ามาให้กำลังใจ และเห็นต่างในการกระทำของน้องหยก ขณะที่บางส่วนก็พร้อมเข้าใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การศึกษาไทยก็มีกฎระเบียบ ทำให้คอมเมนต์ไปทางเสียงแตก อย่างไรก็ตาม ทางโรงเรียนยังไม่มีการออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น..