เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย (พท.) แจ้งถึงกระแสข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะเสนอชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. เป็นประธานสภา แข่งกับทางพรรคก้าวไกล ว่าถือเป็นข่าวปล่อยที่ตั้งใจทำลายพรรค พท. โดยตรง คนที่ปล่อยข่าวมีเจตนาหวังสร้างข่าวให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสังคม ว่าพรรค พท. มีดีลลับกับพรรค พปชร. ซึ่งเป็นการปล่อยข่าวลักษณะเดียวกันกับในช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมา สร้างกระแสว่าพรรค พท. มีดีลลับกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพรรค พปชร. เป็นความพยายามเสี้ยมให้พรรค พท. แตกแยกกับพรรคก้าวไกลด้วย ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าว ไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน

ทางด้าน นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธาน ส.ส.พรรค พท. กล่าวถึงกรณีแชตไลน์ ส.ส.พรรค พท. หลุด ซึ่งมีความเห็นต่างกับแกนนำพรรค พท. ในเรื่องตำแหน่งประธานสภา และรองประธานสภา ว่า ถือว่าเป็นเพียงการนำเสนอข้อคิดเห็นได้ เพราะพรรค พท. เป็นประชาธิปไตย เราเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็น เรื่องตำแหน่งประธานสภาต้องมีการพูดคุยกัน ซึ่งในการประชุม ส.ส. พรรคที่โรงแรมเอชซี ปาร์ค วันที่ 21 มิ.ย. นี้ ถือเป็นวันดีที่ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งจะได้มาพูดคุยกัน เพื่อทำความเข้าใจว่า หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค รวมถึง ส.ส. พรรคด้วยว่า คิดอย่างไร ต้องหาข้อสรุปได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะทุกครั้งพรรค พท. ไม่มีใครสอนได้

“เรื่องนี้จะต้องมีการรับฟังความเห็นทุกฝ่าย มีทางออกอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเราผ่านเรื่องหนาวร้อนมามาก ก็ไม่มีปัญหา ต้องมีการรับฟังความคิดเห็นทุกฝ่าย ไม่เช่นนั้นก็จะหาว่าเป็นเผด็จการ ยืนยันว่าไม่มีใครสั่งได้” นายวิสุทธิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ทำให้เกิดปัญหาบานปลายภายในพรรคหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ไม่ถึงขั้นนั้น เพราะไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์อะไร การเป็นประธานสภา ไม่ใช่ผลประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง เป็นหน้าที่ของประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ อำนาจของประธานสภา มีเฉพาะในรั้วรัฐสภาเท่านั้น ข้างนอกไม่มี และประธานสภา จะไม่บรรจุกฎหมายเอง ที่ผ่านมาในทางปฏิบัติ จะมอบให้รองประธานสภา คนที่ 1 ทำหน้าที่ดังกล่าว ไม่ใช่จะให้พรรคไหนถืออำนาจบาตรใหญ่ เอาเฉพาะกฎหมายตัวเองเข้านั้น ไม่มี

เมื่อถามถึง คุณสมบัติประธานสภา นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ต้องมีใจเป็นกลาง ไม่เอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และต้องยึดข้อบังคับการประชุมสภาให้เป็นไปตามข้อบังคับ ก็จะเกิดความสงบเรียบร้อย นี่คือหลักการสำคัญของคนที่จะมาเป็นประธานสภา เชื่อว่า ทุกอย่างจะจบได้ในการประชุมพรรคพรุ่งนี้ (21 มิ.ย.) ไม่มีปัญหาอะไร