กรณีเพจ “ข่าวประจวบ” โพสต์ภาพเสาโคมไฟฟ้าประติมากรรมรูปสับปะรด สัญลักษณ์ของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ติดตั้งบนสันเขื่อนกันคลื่น ตลอดแนวชายหาดอ่าวประจวบฯ หักโค่น ไม่สามารถใช้งานได้ และเจ้าหน้าที่เทศบาลแห่งหนึ่ง นำรถกระเช้าสีส้มบรรทุกซากเสาไฟฟ้าไปจำหน่ายที่ร้านรับซื้อของเก่าแห่งหนึ่ง บนถนนสุขสมบูรณ์ ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ในราคาเพียงต้นละ 1 พันบาท ขณะที่หลายหน่วยงานภาครัฐได้ตรวจสอบ เพื่อหาเจ้าของงบประมาณที่จัดซื้อ จากนั้นจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่นำเสาไฟไปจำหน่ายในร้านรับซื้อของเก่า เนื่องจากเสาไฟมีราคารวมค่าติดตั้งต้นละ 8 หมื่นบาทถึง 1 แสนบาท มีมากกว่า 300 ต้น ที่สันเขื่อนริมอ่าวประจวบฯ ตั้งแต่หน้ารั้วกองบิน 5 ถึงค่ายลูกเสือม่องล่าย ระยะทาง 4.7 กิโลเมตร ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ตามที่เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

จว.ประจวบฯ แจงภาพเก่า ‘เสาไฟ’ 8 หมื่น ยันวัสดุชำรุดเก็บซ่อมหมดแล้ว

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 11 ก.ค. นายอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ รอง ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า เสาไฟสับปะรดที่มีภาพปรากฏไปขายให้ร้านของเก่า จะต้องมีการแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ โดยต้องทราบว่ามีการกระทำในลักษณะดังกล่าวได้อย่างไร สำหรับขั้นตอนการดำเนินการ จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลมายืนยันว่าเสาไฟเป็นทรัพย์สินของหน่วยงานใด สำหรับรถยนต์ต้องสงสัยของหน่วยงานแห่งหนึ่งที่บรรทุกเสาไฟของทางราชการไปขาย จะต้องได้ข้อเท็จจริงทั้งหมด ต้องมีหน่วยงานแสดงความรับผิดชอบกับทรัพย์สินของทางราชการอย่างแน่นอน

“ในส่วนที่เสาไฟชำรุดก็จะต้องมีแนวทางบำรุงรักษาให้สวยงามสมกับเป็นเมืองท่องเที่ยว นอกจากนั้นจะต้องกำชับให้ดูแลทรัพย์สินของทางราชการให้มีความคุ้มค่า ซึ่งที่ผ่านมา จังหวัดมีคำสั่งให้ตรวจสอบทรัพย์สิน ที่จะต้องมีการฟื้นฟูหรือส่งมอบโครงการให้เทศบาลและ อบต. ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 ดังนั้นปัจจุบันจะต้องเรียกมาดูว่าหน่วยงานใด ได้ดำเนินการตามนโยบายไว้อย่างไร” นายอดิศักดิ์ กล่าว

นายสุวิทย์ พลเสน หัวหน้าสำนักงานโยธาธิการ จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า การใช้งบพัฒนาจังหวัดซื้อเสาไฟสูง 4 เมตร 60 ต้น ระยะทาง 500 เมตร จากสะพานสราญวิถีถึงสะพานคลองบางนางรม ที่ผ่านมาได้ส่งมอบให้เทศบาลเมืองประจวบฯ ดูแลทรัพย์สินแล้ว ซึ่งได้รวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดส่งให้ผู้บริหารระดับจังหวัดและอธิบดีกรมโยธิการรับทราบ สำหรับเสาไฟที่มีการใช้รถยนต์ของทางราชการนำไปขายร้านของเก่า มีความสูง 4 เมตร ต้องพิสูจน์ให้ได้จากทะเบียนคุมพัสดุว่า กรมการท่องเที่ยวหรือเทศบาลเมืองฯ เป็นเจ้าของทรัพย์สิน หรือไปตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อหาหลักฐานในการดำเนินคดี

นายกมล แก้วเทศ นายกเทศมนตรีเมืองประจวบฯ กล่าวว่า ต้องการให้ร้านของเก่าเปิดเผยข้อมูลกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐาน เพื่อชี้ชัดว่าเป็นบุคคลใด หรือรถกระเช้าของหน่วยงานใดนำเสาไฟไปขาย จะได้หาตัวผู้กระทำผิดได้เร็วขึ้น สำหรับเสาไฟสับปะรดที่ชำรุดเสียหาย ที่ผ่านมาเทศบาลได้เก็บไปคืนให้กับเจ้าของเงินงบประมาณ และบางส่วนก็เก็บไว้ในบ่อบำบัดน้ำเสียเทศบาล ยืนยันว่าตั้งแต่มารับตำแหน่งนายก ยังไม่เคยพบเห็นเอกสารในการรับมอบเสาไฟจากหน่วยงานตามที่มีการกล่าวอ้าง และโครงการนี้มีมานานกว่า 10 ปี มีการชำรุดเสียหายอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะมารับตำแหน่ง

จ่าอากาศเอก เสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีเสาไฟสับปะรด 3 ต้น กองไว้ริมบ่อบำบัดน้ำเสียด้านทิศใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ของเทศบาล มี 1 ต้น ลักษณะคล้ายกับที่พบในร้านรับซื้อของเก่า สำหรับ 2 ต้น ที่กองอยู่บริเวณใกล้กันมีสภาพเก่าและมีวัชพืชปกคลุม ดังนั้นหลังจากผู้บริหารเทศบาลเมืองประจวบฯ ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยรับมอบทรัพย์สินโคมไฟสับปะรดไว้ดูแลตามอำนาจหน้าที่ ผู้บริหารเทศบาลต้องรีบไปตรวจสอบ

“หากพบว่ามีทรัพย์สินของหน่วยราชการอื่น ถูกนำมากองทิ้งไว้ในพื้นที่รับผิดชอบ จะต้องไปแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหาหน่วยงานเจ้าของงบ นำเสาไฟไปเก็บในหน่วยงานนั้น พร้อมหาผู้กระทำความผิด ในข้อหาลักทรัพย์ของทางราชการ หากเทศบาลไม่ดำเนินการ ก็ถือว่าเข้าข่ายละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากในพื้นที่บ่อบำบัดน้ำเสีย มีอาคารการเก็บวัสดุอุปกรณ์ชองกองช่าง และรถยนต์ของเทศบาลเมืองประจวบฯ” จ่าอากาศเอก เสกสรรค์ กล่าว

ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบจำนวนเสาไฟที่ติดตั้ง ที่ชำรุด หรือมีการขโมยไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่าก่อนหน้านี้หรือไม่ พบว่า เสาไฟโคมสับปะรดที่จัดซื้อโดยกรมการท่องเที่ยว 75 ต้น ตั้งแต่สะพานสราญวิถีไปจนถึงรั้วกำแพงกองบิน 5 ปัจจุบันมี 68 ต้น ถูกถอดออกไป 7 ต้น นำไปกองเก็บเป็นซากที่สำนักงานท่องเที่ยว และกีฬาจังหวัดประจวบฯ 3 ต้น อีก 4 ต้น ไม่พบว่าถูกเก็บรักษาไว้ที่ใด

สำหรับเสาไฟสับปะรดตั้งแต่สะพานสราญวิถีถึงสะพานบางนางรม สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อ้างว่า ได้ส่งมอบให้กับเทศบาลไปแล้ว และอยู่ในการดูแลรับผิดชอบของทางเทศบาล มี 60 ต้น พบว่าชำรุดไม่สามารถใช้การได้เป็นส่วนใหญ่ มีเสาไฟที่ถูกถอดออกไปจากริมเขื่อนอ่าวประจวบฯ 24 ต้น พบกองเป็นซากในบ่อบำบัดน้ำเสียของเทศบาล 3 ต้น ที่เหลือไม่ทราบถูกเก็บไว้ที่ใด ขณะที่ภายในสำนักงานโยธาฯ ไม่มีเสาไฟเก่ามากองเก็บรักษาแต่อย่างใด