เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร แยกปทุมวัน กทม. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มมวลชนหลากหลายกลุ่มสลับเปลี่ยนหมุนเวียนขึ้นปราศรัยเป็นระยะๆ โดยมีเนื้อหาพูดถึงการอภิปรายเรื่องการแก้ไขกฎหมายอาญา ม.112 ที่รัฐสภาวานนี้ว่า เป็นเพียงข้ออ้างในการโหวตไม่เห็นชอบหรืองดออกเสียงให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่จะเป็นนายกฯ พร้อมขอให้จับตาว่าในวันที่ 19 ก.ค. นี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องของกกต. ให้วินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส. นายพิธา ปมการถือหุ้นไอทีวีเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ และให้คอยจับตาเฝ้าดูความเคลื่อนไหวต่อจากนี้อย่างไร

นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการ iLAW ซึ่งกล่าวถึงเรื่องน่ายินดีที่ ส.ว. ได้ทำไว้ในช่วงวานนี้ว่า ก่อนหน้านี้ 8 พรรคร่วมฝั่งรัฐบาลอาจมีข่าวว่าแยกกัน แต่วานนี้เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าคะแนนทั้ง 311 เสียงที่มี 8 พรรค ร่วมลงคะแนนเต็มทุกเสียงไม่มีการแตกเสียงเกิดขึ้น ทั้งนี้หาก 311 เสียงเกาะคอกันแน่น มั่นใจว่าวันข้างหน้าต่อไปเราผ่านไปได้แน่นอน

ทั้งช่วงวานนี้ยังทำให้รู้จักมนุษย์ 13 คน เป็นกลุ่มคนที่แม้ในอดีตจะทำอะไรไว้แต่ตนไม่ลืม แต่วันนี้ ส.ว.ทั้ง 13 คนรู้แล้วว่าต้องทำอะไร และได้ทำหน้าที่ของตนแล้ว โดยเป็นกลุ่มที่ฝ่าด่านกล้วย ฝ่าด่านเผด็จการ และโหวตนายพิธา เป็นนายกฯ

โดยก่อนหน้าพรรคสีส้มหาเสียงครั้งแล้ว ครั้งเล่า ในการยืนยันที่จะแก้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเรื่องการแก้กฎหมายมาตรานี้ไม่ง่าย ทั้งนี้นายพิธา ยังไม่ได้เป็นนายกฯ แต่วานนี้ได้มีการอภิปรายเรื่องนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว “ขอบคุณ ส.ว. ที่ได้อภิปรายเรื่องมาตรา 112 กว่า 6 ชม. เต็ม

นายยิ่งชีพ กล่าวทิ้งท้ายว่า หลายปีมานี้เรามาร่วมตัวกันหลายที่โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ซึ่งขณะนี้ได้ทำสำเร็จไปแล้ว 1 ข้อนั้นคือการไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับการเดินทางไกลของเรา

ขณะเดียวกัน นายธัชพงศ์ แกดำ อดีตสมาชิกแนวร่วมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย กล่าวตอนหนึ่งว่า ฝากไปยัง ส.ว. ว่ากลุ่มทะลุแก๊สรู้ว่าบ้าน ส.ว. อยู่ที่ไหน รวมถึงบ้านของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี ดังนั้นจึงขออย่าตกใจถ้ามีคนขี่จยย. ไปส่งของถึงหน้าบ้าน เพราะอาจจะไปส่งแก๊สก็ได้

ด้านน.ส.ธนพร วิจันทร์ หรือ ไหม เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน กล่าวว่า พวกเราอยู่ในโรงงาน ทำงานให้กับนายจ้าง ซึ่งเราก็ต้องฟังเสียงของเขา ส่วนคนไหนที่ไม่ทำหน้าที่ นายจ้างก็ต้องเลิกจ้าง เหมือน ส.ว. ที่ไม่ฟังเสียงของประชาชน พวกเราก็จะเลิกจ้าง โดยเมื่อวานนี้ กฎหมายมาตรา 112 ถูกนำไปอภิปรายตั้งแต่เปิดประชุมสภายันปิดประชุมสภา แต่นโยบายดีๆ ของพรรคก้าวไกลกลับไม่พูดถึง ซึ่งกฎหมาย ม.112 ที่ต้องมีการแก้ไข เพราะเกิดจากคนที่ถูกกระทำ ถูกแจ้งความโดยคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ

อีกทั้งเมื่อวานนี้ พวกเราไปให้กำลังใจนายพิธา แต่กลับบอกว่าพวกเราไปกดดัน ส.ว. จำเป็นต้องฟังเสียงของประชาชน ที่เราจ่ายเงินเดือนให้ ไม่ใช่พวกเผด็จการ รวมถึงการทำงานขององค์อิสระอย่าง กกต. ที่ประชุมคดีถือหุ้นของนายพิธาเพียงแค่ 3 วัน และส่งศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรต่างๆ กระทำที่รวดเร็วแตกต่างจากคดีอื่น จนทำให้เกิดการตั้งข้อสงสัยในการทำงาน

“ขอให้พรรคร่วมฯ อย่าแตกกัน เพราะ 4 ปี ที่ผ่านมาพวกเราถูกรังแกมาตลอด เจ็บแล้วต้องจำ และต่อไปนี้ไม่ว่าประเทศจะอย่างไร ประชาชนจะเป็นผู้กำหนดอนาคตของตัวเอง ไม่ใช่ทหาร” น.ส.ธนพร กล่าว

น.ส.ธนพร ยังได้เชิญชวนให้ประชาชนทุกคนร่วมกันขับไล่ ส.ว. ที่ไม่ฟังเสียงประชาชน และ ส.ว. ก็เป็นบุคคลสาธารณะควรที่จะต้องรับฟังประชาชนไม่ว่าจะเป็นการติชมก็ตาม

ส่วนด้านนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เผยว่า มั่นใจ 19 ก.ค. นี้ผลคะแนนของ ส.ว. จะเกินกว่า 13 คน และตนถือว่า 13 คนนี้เป็นผู้ที่รู้จักเกรงกลัว และละอายใจต่อบาป ส่วนอีก 236 คน จะถือว่าเป็นคนชั่วช้าของแผ่นดินนี้ ทั้งนี้บรรดา 236 คน มี 43 คนที่ขาดการประชุม ซึ่งคนเหล่านี้คือผู้นำเหล่าทัพเป็นหลัก อ้างว่าติดราชการไม่สามารถมาประชุมได้ แล้วยังบอกว่า ส.ส. ส่วนใหญ่ซื้อเสียงมา แต่พวกท่านกลับปล้นเสียงมาเฉยๆเพื่อให้ได้ตำแหน่ง ส.ว.

นายสมยศ ยังกล่าวถึง กฎหมาย ม.112 ว่า การแก้ไข ม.112 มีมาตั้งแต่สมัยรัชการที่ 5 โทษ 3 ปี พอปี 2475 มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเปลี่ยนโทษจาก 3 ปี เป็น 7 ปี สมัยนั้นก็รับได้ เพราะเป็นการวิจารณ์โดยสุจริตใจก็ไม่มีปัญหา เนื่องจากพระมหากษัตริย์ดำรงตำแหน่งเป็นประมุข เป็นองค์กรเปิดเผย กินเงินเดือนประชาชนเช่นกัน ดังนั้นต้องโปร่งใส จึงจะทำให้ประชาชนจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ของจริง

หลังจากนั้นมีการแก้ไขกฎหมายอีกครั้งในวันที่ 9 ต.ค. 2519 หลังรัฐประหาร ทำให้มีการตัดประโยคที่ว่าการวิจารณ์โดยสุจริตเพื่อปกป้องสมบัติสาธารณะออกไป ทำให้ ม.112 เป็นมาตราที่ใช้เข่นฆ่า ทำลายล้างคู่ต่อสู้มาโดยตลอด ซึ่งหลายคนมีปัญหากับ ม.112 และเป็นคนที่มีความสามารถเต็มไปหมด จึงทำให้ตนต้องออกมาพูด เพราะนับว่าเป็นมหันตภัยร้ายแรง จึงอยากเรียนไปถึง ส.ว. อยากให้รับทราบเอาไว้ว่าที่พูดมาทั้งหมดเมื่อวานนี้ พวกท่านนั่นแหละที่ทำผิดกฏ ม.112 เพราะกำลังใช้ ม.112 เป็นเครื่องมือการทำลายล้าง

ส่วน 159 คนที่งดออกเสียง ถือว่าเป็นการไม่รับรอง ไม่เห็นชอบกับการให้ นายพิธา เป็นนายกฯ เท่ากับว่าเป็นการทำลายประชาธิปไตย ละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชนที่ออกเสียงเลือกตั้ง คนพวกนี้คือผู้ก่อการร้ายทางกฎหมาย เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ ประชาธิปไตย และไม่สมควรมีชีวิตอยู่อีกต่อไป.