สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ผลการศึกษาจากคณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐ ระบุว่ายอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่แท้จริงของสหรัฐ เมื่อนับถึงสิ้นปี 2020 อาจสูงเกิน 100 ล้านราย

“ช่วงสิ้นปีก่อน มีรายงานข่าวว่ายอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในสหรัฐ สูงทะลุ 20 ล้านราย แม้เป็นตัวเลขที่น่าตกใจมาก แต่มันอาจต่ำกว่าความเป็นจริง” ฟรานซิส คอลลินส์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ (NIH) โพสต์ข้อความเกี่ยวกับผลการศึกษาที่เผยแพร่ผ่านวารสารวิทยาศาสตร์เนเจอร์ (Nature)

คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยฯ ทำการศึกษาโดยประมาณสัดส่วนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ในชุมชนทั่วสหรัฐฯ จนถึงเดือนธันวาคม 2020 โดยเริ่มศึกษาข้อมูลระดับประเทศเกี่ยวกับยอดผู้ติดเชื้อ ทั้งที่ตรวจพบและตรวจไม่พบใน 3,142 เทศมณฑลและเขตเทศบาลนครขนาดใหญ่ของประเทศ

ต่อจากนั้นคณะนักวิจัยรวมข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ซึ่งระบุยอดผู้มีผลตรวจแอนติบอดีโรคโควิด-19 เป็นบวก ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบการติดเชื้อในอดีต รวมถึงกลุ่มผู้ติดเชื้อที่ตกหล่นจากการตรวจสอบ

คณะนักวิจัยคำนวณว่ามีผู้ป่วยโรคโควิด-19 ได้รับการยืนยันการติดเชื้อด้วยผลตรวจโรคเป็นบวกเพียงร้อยละ 11 ของผู้ป่วยทั้งหมดในเดือนมีนาคม 2020 แต่ต่อมาสัดส่วนผู้ติดเชื้อที่ตรวจพบและที่ตกหล่นเพิ่มขึ้นเป็นราวร้อยละ 25 ในช่วงสิ้นปี 2020 หลังจากปรับปรุงการตรวจโรคและเน้นย้ำสาธารณชนเกี่ยวกับโรคโควิด-19

“ศักยภาพการตรวจโรคที่จำกัดในช่วงแรก รวมถึงมีผู้ติดเชื้อที่มีอาการป่วยน้อยหรือไม่แสดงอาการจำนวนมหาศาล ทำให้มีผู้ป่วยตกหล่นจากการตรวจพบจำนวนมาก” คอลลินส์กล่าว พร้อมเสริมว่าตัวเลขที่ปรับแก้นี้ ซึ่งคิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของประชากรสหรัฐ ทั้งหมด 328 ล้านคน แสดงให้เห็นว่าโรคโควิด-19 แพร่ระบาดทั่วสหรัฐ อย่างรวดเร็วในปี 2020

อนึ่ง สหรัฐ มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมสูงเกิน 20 ล้านราย เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2021 และปัจจุบันมีผู้ป่วยสะสมมากกว่า 40,412,000 ราย ซึ่งรวมถึงผู้ป่วยเสียชีวิต 652,175 ราย เมื่อนับถึงบ่ายวันพุธ (8 ก.ย.) ที่ผ่านมา..

เครดิตภาพ : ซินหัว