สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ว่านพ.จอห์น เอ็นเคนกาซอง ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแอฟริกา ( แอฟริกา ซีดีซี ) กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี เกี่ยวกับความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในทวีปแอฟริกา ซึ่งยังคงขาดแคลนวัคซีนอย่างหนัก ว่าปัญหาอยู่ที่ "กลุ่มชาติร่ำรวยบางประเทศ" เพิกเฉยต่อคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) ให้ระงับการฉีดวัคซีนเข็มที่สาม หรือบูสเตอร์ จนกว่าประชากรโลกจะได้รับวัคซีนครบ
นพ.เอ็นเคนกาซองกล่าวต่อไปว่า จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันชัดเจน เกี่ยวกับ "ประสิทธิภาพแท้จริง" ของการฉีดบูสเตอร์ มุมมองของฝั่งแอฟริกาในตอนนี้ คือ "น่าสับสนมาก" ในขณะที่กลุ่มประเทศยากจนและห่างไกลจำนวนมาก ยังไม่มีวัคซีนใช้แม้แต่เข็มเดียว แต่ในอีกฟากหนึ่งของโลกกลับเดินหน้าฉีดวัคซีนเข็มที่สามกันอย่างขมีขมัน
ขณะที่พญ.มัตชิดิโซ โมเอติ ผู้แทนดับเบิลยูเอชโอประจำภูมิภาคแอฟริกา กล่าวว่า กลุ่มประเทศร่ำรวยมีวัคซีนมากเกินความต้องการของประชากรในประเทศ ดับเบิลยูเอชโอขอเรียกร้องอีกครั้ง ให้มอบวัคซีน "ที่เหลือเฟือ" เหล่านั้น ผ่านโครงการโคแวกซ์ เพื่อให้ประชากรในทวีปแอฟริกาได้มีโอกาสเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 บ้าง 
ทั้งนี้ ยิ่งกลุ่มประเทศร่ำรวยเดินหน้าฉีดวัคซีนเข็มที่สามมากเท่าไหร่ แอฟริกาจะยิ่งห่างไกลเป้าหมายของการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้แก่ประชาชนมากขึ้นเท่านั้น พญ.โมเอติประเมินว่า การให้ประชาชนในแอฟริกาได้รับวัคซีนครบในสัดส่วนระหว่าง 60%-70% ต้องใช้วัคซีนอย่างน้อย 1,600 ล้านโดส แต่ปัจจุบันเพิ่งมีชาวแอฟริกันเพียง 3% ที่ได้รับวัคซีนครบแล้ว.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES