จากกรณี คอนโดหรู “แอชตัน อโศก” ของบริษัทอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ “เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้าง” เป็นคดีความยืดเยื้อมาหลายปี และถูกร้องเรียนเรื่องทางเข้า – ออกโครงการ ตามข้อกำหนดอาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่พิเศษ รวมถึงการใช้ที่ดินของ รฟม.ตามที่นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่ คอนโดแอชตัน อโศก นายพิสุทธิ์ รักวงษ์ พร้อมด้วย นางสาวเยาวลักษณ์ สุลีสถิระ ในฐานะทนายความนิติบุคคล และลูกบ้าน คอนโดแอชตัน อโศก พร้อมด้วย นางสาวอนันทชา เมธีธารพงศ์วาณิช และนางสาวกุลชลิกา รุ่งวรา ตัวแทนลูกบ้านแอชตัน อโศก ร่วมแถลงข้อเรียกร้องให้บริษัทอนันดาแสดงความจริงใจในการเข้าร่วมพูดคุยกับนิติบุคคล หากเป็นการเข้าใจผิดของนิติบุคคล และลูกบ้าน ภายในระยะเวลา 7 วัน นับตั้งแต่วันนี้ หากไม่เข้าร่วมก็จะดำเนินการตามกฎหมายทางแพ่ง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย ความเสียหายคร่าวๆ ประมาณ 5,000 กว่าล้านบาท โดยคำนวณจากราคาห้องชุด การตกแต่ง และดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน

สิ่งที่ตัวแทนลูกบ้านต้องการขณะนี้ คือ ให้บริษัทอนันดา แสดงความรับผิดชอบให้ชัดเจนว่าจะรับผิดชอบในกรณีที่บริษัทไม่สามารถทำทางเข้าออกได้ หรือหากจะต้องถูกระงับ รื้อถอนอาคารต่อไป ขอให้มีการเซ็นสัญญาเป็นหลักฐานยืนยัน และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า

นายพิสุทธิ์ ตัวแทนนิติบุคคลมองว่า การที่บริษัทอนันดาออกแถลงการณ์วันนี้ ที่บอกว่าลูกบ้านรับทราบอยู่แล้ว ถึงกรณีที่ทางโครงการมีปัญหา ในการฟ้องร้อง ณ ขณะนั้น ถือเป็นการเล่นเกมทางกฎหมายกับลูกบ้านของตัวเอง พร้อมกับฝากไปถึงตัวแทนบริษัทอนันดาให้แสดงความจริงใจ และทำให้ลูกบ้านเห็น และแสดงความรับผิดชอบต่อลูกบ้านออกมา ซึ่งจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ทำให้ลูกบ้านส่วนใหญ่ ยังคงอยากพักอาศัยอยู่ที่แอชตันเช่นเดิม เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสในการซื้อ แต่บางคนก็เริ่มถอดใจ ไม่อยากอยู่โครงการนี้แล้ว

นายพิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ นิติบุคคลอยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสารเนื่องจากลูกบ้านบางคนพักอาศัยอยู่ต่างประเทศ และคดีเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการรวบรวมหลักฐาน เพื่อฟ้องร้องทางแพ่งและอาจรวมไปถึงอาญาด้วย ส่วนจะฟ้องร้องศาลปกครองหรือไม่ นั้น อยู่ระหว่างการพิจารณา

ด้านนางสาวเยาวลักษณ์ กล่าวถึง การตรวจสอบข้อมูล และพยานหลักฐาน ที่ทำให้พบข้อเท็จจริงภายหลังจากกลุ่มลูกบ้าน ได้ไปออกรายการชื่อดังรายการหนึ่ง ซึ่งนายพิสุทธิ์ เป็นตัวแทนลูกบ้านได้เปิดเผยข้อเสนอถึงทาง อนันดา ที่เคยยื่นไปเมื่อสองปีก่อนหลังศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 64 โดยได้ยื่นข้อตกลงและข้อยืนยันว่าหากท้ายที่สุด ต้องรื้อถอนอาคาร อนันดา จะชดใช้เยียวยาให้กับลูกบ้าน ได้อย่างไรซึ่งภายหลังจากได้รับออกสารดังกล่าวกลับมานั้น ก็ไม่ได้รับความร่วมมือเป็นการเซ็นกลับมาจากทาง อนันดา แต่อย่างใด

นางสาวกุลชลิกา ตัวแทนลูกบ้าน เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ลูกบ้านไม่เคยทราบรายละเอียดมาก่อน ว่าบริษัทอนันดา มีข้อพิพาทกับใคร บริษัทบอกเพียงว่าเป็นข้อพิพาทกับชาวบ้านละแวกใกล้เคียง แต่ไม่เคยบอกข้อเท็จจริงว่ามีการฟ้องร้องทางราชการเรื่องอะไร เพราะหากบริษัทบอกรายละเอียดอย่างชัดเจนแต่แรก เชื่อว่าคงไม่มีลูกบ้านตัดสินใจซื้อ เพราะอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้มีที่นี่ทีเดียว แต่ที่ลูกบ้านเลือก เป็นที่นี่เพราะเชื่อมั่นเชื่อใจในบริษัทอนันดา ขณะเดียวกันเอกสารที่ออกมาในวันนี้ ทำให้ลูกบ้านรู้สึกว่าสิ่งที่บริษัทเตรียมการวางแผนมาทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะกับทางภาครัฐหรือลูกบ้าน

“สิ่งที่บริษัทแถลงออกมานั้น ไม่ได้บอกว่าจะต่อสู้แค่เพียงกับภาครัฐเท่านั้น แต่ออกมาในลักษณะที่ว่าบริษัทอนันดาจะต่อสู้กับลูกบ้าน ที่เป็นลูกค้าที่มีความเชื่อมั่นกับบริษัทตัวเองอยู่ และทางบริษัทดูมั่นใจว่าจะชนะลูกค้าของตัวเอง หลังจากนี้ ลูกบ้านยืนยันจะเดินหน้าต่อสู้กันเพื่อเอาบ้านของตัวเองกลับมา ไม่ได้สู้เพื่อบริษัทอนันดา เพราะเอกสารการแถลงของบริษัทอนันดาทำให้ลูกบ้านรู้สึกเหมือนถูกดูถูก ตั้งแต่ต้นจนถึงวันนี้บริษัทไม่เคยมีความจริงใจกับลูกบ้านเลย” นางสาวกุลชลิกา กล่าว

ทั้งนี้นางสาวกุลชลิกา ยังบอกอีกว่า เมื่อเช้าที่ผ่านมา ตนในฐานะตัวแทนของลูกบ้าน เข้าพบ ผู้ว่าฯ กทม. โดยทาง ผู้ว่าฯ ให้ความมั่นใจว่าลูกบ้านยังสามารถอาศัยอยู่ที่อาคารชุดได้เหมือนเดิม ยังปลอดภัย และสามารถเข้าออกได้เหมือนเดิม พร้อมกับมีการยื่นหนังสือขอบคุณ และร้องขอความเป็นธรรม เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมการร่วมหาแนวทางในการแก้ไข กับลูกบ้านที่ได้รับผลกระทบ โดย ผู้ว่าฯ กทม. ตอบรับ สำหรับข้อเรียกร้องของลูกบ้าน คือให้สามารถอยู่อาคารได้ตามปกติ หวังได้ใบอนุญาตใหม่ที่ถูกต้อง และอยากให้ภาครัฐ เจ้าของห้องชุดที่คอนโดแห่งนี้.