เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ บก.สอท.1 น.ส.ประวีณมัย บ่ายคล้อย ผู้ประกาศข่าวสาวชื่อดัง เข้าให้ปากคำกับทางตำรวจ บก.สอท.1 หลังก่อนหน้าได้เข้าแจ้งความถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกติดตั้งแอปพลิเคชั่นกรมที่ดินแล้วดูดเงินเสียหายกว่า 1 ล้านบาท

ทาง พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 กล่าวว่า ทาง บก.สอท.1 ได้โอนคดีการสอบสวนมาจาก สน.ภาษีเจริญ แล้ว หลัง บก.สส.บช.น. ได้จับกุมผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่รวบรวมบัญชี ซึ่งได้มีการสอบปากคำผู้เสียหายไปแล้วบางส่วน แต่พบว่ายังมีข้อมูลเพิ่มเติมที่ต้องเรียกอีกหลายส่วนที่เกี่ยวข้องมาสอบสวน เพราะพบว่ามีผู้เสียหายจำนวนมาก ไม่ใช่แค่เฉพาะ น.ส.ประวีณมัย โดยหลายคนเหตุเกิดในวันเดียวกัน ลักษณะเดียวกัน จึงจะดำเนินการขยายผลต่อไป

โดยจากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่าเงินถูกโอนผ่านบัญชีม้าไปแล้วประมาณ 5-6 แถว รวมกว่า 24 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีที่มีเงินอยู่รวมแล้วหลายล้านบาท และมีทั้งบัญชีส่วนบุคคลและนิติบุคคล ดังนั้น จะต้องออกหมายเรียกบุคคลตามชื่อบัญชีมาสอบสวนอีกไม่ต่ำกว่า 10 คน ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบในขณะนี้พบว่า บัญชีทั้งหมดยังมีปลายทางอยู่ในประเทศไทย โดยบัญชีแถวแรกๆ นั้น เป็นบัญชีที่ปรากฎอยู่ในหลายๆ คดีก่อนหน้านี้ด้วย แต่บัญชีแถวท้ายๆ ยังไม่พบ นอกจากนี้จะประสานกับทางกรมที่ดินเข้ามาให้ข้อมูลด้วยว่า คนร้ายทราบข้อมูลเกี่ยวกับเลขโฉนดที่ดิน เลขระวางที่ดิน ของผู้เสียหายได้อย่างไร

ขณะที่ผู้ประกาศสาว ระบุว่า หลังเกิดเหตุและได้มีการนำเสนอข่าวไป ก็มีผู้เสียหายที่ถูกหลอกในลักษณะเดียวกัน ติดต่อเข้ามาหาตนมากกว่า 20 รายแล้ว แต่ตอนนี้พบว่ามีเคสที่เหตุเกิดวันเดียวกันกับตนคือวันที่ 9 ส.ค. 66 อีก 3 เคส ระยะเวลาเกิดเหตุไล่เรียงกันมา ห่างกันเคสละประมาณ 1 ชั่วโมง ตั้งแต่ 9 โมงเช้า ไปจนถึงช่วงเที่ยง ซึ่งทุกเคสนั้นจะใช้กลโกงเดียวกันคืออ้างว่าเป็นกรมที่ดิน และถูกดูดเงินเข้าไปที่บัญชีที่ใช้ชื่อเดียวกันคือ นายภานุพันธ์ จิรเมฆ ตนจึงนำข้อมูลนี้มาให้ตำรวจตรวจสอบ เผื่อว่าจะสามารถหาความเชื่อมโยงจากพฤติการณ์ของคนร้ายได้ โดย 1 ในผู้เสียหายมีตำรวจที่จังหวัดเชียงรายด้วย เสียหายไป 177,000 บาท ถ้ารวมทั้ง 4 เคสในวันที่ 9 ส.ค. 66 ก็มีมูลค่าความเสียหายเกือบ 2.5 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามรู้สึกผวากับการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยตอนนี้ได้อายัดบัญชีทุกธนาคารแล้วและยกเลิกการทำธุรกรรมผ่านโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตทั้งหมด รวมถึงฟอร์แมตล้างเครื่องโทรศัพท์มือถือด้วย ซึ่งวันนี้ได้นำโทรศัพท์มือถือมามอบให้ตำรวจนำไปตรวจสอบ และขอฝากความหวังไว้กับเจ้าหน้าที่ในการติดตามตัวคนร้าย.