จากกรณีวานนี้ (19 ส.ค.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และในฐานะหัวหน้าครอบครัว พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ชื่อ @ingshin21 พร้อมระบุข้อความยืนยันการเดินทางกลับประเทศไทยของบิดา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “อังคารที่ 22 สิงหาคม 9.00 น. ณ ดอนเมือง จะไปรับคุณพ่อทักษิณค่ะ และปรากฏข้อความอีกว่า เลื่อน ไม่ได้ ยกเลิก ไม่เพ้อเจ้อนะจ๊ะ ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 20 ส.ค. “ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์” ได้รับรายงานพิเศษจากรายงานข่าวทราบว่า สำหรับกระบวนการระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการตรวจร่างกายผู้ต้องขังเข้าใหม่และผู้ต้องขังเข้า-ออกเรือนจำ พ.ศ.2561 เนื่องจากเมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” เข้าสู่ขั้นตอนของศาล รับฟังคำพิพากษาตามคดีคงค้างเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะดำเนินการควบคุมตัวจากศาลฎีกาไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งในขั้นตอนแรก เจ้าหน้าที่เรือนจำจะดำเนินการตรวจค้นตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่และสัมภาระ อาทิ เสื้อผ้า หรือสิ่งของมีค่า เครื่องประดับ นาฬิกา สร้อย แหวน พระเครื่อง เป็นต้น แต่ปกติแล้วไม่ว่าจะนำสัมภาระใดเข้ามาเจ้าหน้าที่เรือนจำก็จะไม่อนุญาตให้นำผ่านเข้าไปภายในเรือนจำทั้งสิ้น ส่วนเสื้อผ้าเจ้าหน้าที่จะเก็บไว้ให้ เพื่อให้ญาติติดต่อขอรับกลับไป หรือผู้ต้องขังประสงค์ให้เจ้าหน้าที่เก็บไว้ให้ก่อนได้ (ในกรณีที่ผู้ต้องขังแจ้งว่าได้มีการยื่นขอประกันตัวต่อศาล อยู่ระหว่างรอฟังคำสั่งของศาล) แต่ระยะเวลาต้องไม่เกินระหว่าง 7-15 วัน ขณะที่สิ่งของมีค่า เจ้าหน้าที่จะรับฝากไว้ให้เช่นกัน และจะมีการจดบันทึกรายการว่ามีสิ่งของอะไรบ้าง ผู้ต้องขังฝากไว้เมื่อวันที่เท่าไร เมื่อพ้นโทษก็ติดต่อขอรับกลับ หรือจะให้ญาติติดต่อขอรับแทน

รายงานข่าว ระบุด้วยว่า ขั้นตอนถัดไปคือการจัดทำทะเบียนประวัติผู้ต้องขังโดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับ ชื่อและนามสกุลของผู้ต้องขัง เลขประจำตัวประชาชน หรือเอกสารแสดงตนของผู้ต้องขังเท่าที่ทราบ, ข้อหาหรือฐานความผิดผู้นั้นได้กระทำ, บันทึกลายนิ้วมือหรือสิ่งแสดงลักษณะเฉพาะของบุคคล และตำหนิรูปพรรณ เพื่อตรวจสอบว่าเป็นผู้ต้องขังถูกต้องตามหมายศาล ไม่ผิดตัว, สภาพของร่างกายและจิตใจ ความรู้และความสามารถ และอื่นๆ ตามที่ ผบ.เรือนจำฯ เห็นสมควร โดยให้เป็นไปในกรอบของระเบียบกรมราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่จะต้องดูด้วยว่าผู้ต้องขังรายดังกล่าวเป็นผู้กระทำความผิดจากคดีประเภทใดเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนจำแนกลักษณะผู้ต้องขัง เช่น เป็นผู้ต้องขังจากคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรง คดียาเสพติด หรือคดีที่กระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรงหรือไม่ เพื่อวางมาตรการ หรือ ผบ.เรือนจำฯ อาจจะมีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ผู้คุมเฝ้าจับตากวดขันเข้มงวดเป็นพิเศษ และยังเป็นการป้องกันการคิดสั้นของผู้ต้องขังได้ด้วย

รายงานข่าว ระบุต่อว่า จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่พยาบาล หรือผู้ที่ผ่านการอบรมด้านงานพยาบาลของเรือนจำดำเนินการตรวจสุขภาพเบื้องต้น และหากผู้ต้องขังมีโรคประจำตัว ยารักษาโรค หรือมีใบรับรองแพทย์ก็ให้ยื่นแสดงกับเจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อเจ้าหน้าที่เก็บยาไว้ให้ และจะสอบถามถึงการกินยาว่าแพทย์สั่งให้กินยาอย่างไร รวมถึงไม่ว่านักโทษชายหรือหญิงก็ต้องเปลื้องผ้าทั้งหมด เพื่อดูว่าไม่ได้มีการนำสิ่งของ วัตถุอันตราย อุปกรณ์เครื่องมือสื่อสาร หรือยาเสพติดลักลอบเข้าไปข้างในเรือนจำ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้หลายเรือนจำทั่วประเทศไทยได้มีการติดตั้งเครื่องเอกซเรย์ร่างกายไว้แล้วจึงทำให้ไม่เป็นการตรวจร่างกายโดยละเมิดสิทธิมนุษยชนอีกต่อไป อีกทั้งการบันทึกรายงานเกี่ยวกับบาดแผลหรืออาการเจ็บป่วยของผู้ต้องขังก่อนเข้าเรือนจำฯ ค่อนข้างเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อใช้ยืนยันว่าผู้ต้องขังได้มีลักษณะบาดแผลหรืออาการเจ็บป่วยมาก่อนที่จะเข้าไปในเรือนจำ ไม่ได้เกิดจากการถูกทำร้ายหลังก้าวเท้าเข้าเรือนจำแต่อย่างใด และผู้ต้องขังจะต้องเซ็นชื่อกำกับการบันทึกดังกล่าวด้วยตัวเอง เพื่อตรวจสอบว่าข้อความดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ ท้ายสุดแพทย์หรือพยาบาลจะใช้ดุลพินิจเพื่อดูว่าหากผู้ต้องขังมีโรคประจำตัวร้ายแรงต้องเข้ารับการรักษาต่อเนื่องก็อาจจะให้ไปทำการกักโรคโควิด-19 ที่ห้องกักโรคของสถานพยาบาลภายในเรือนจำฯ แทน และเมื่อกักโรคครบกำหนดระยะเวลาไม่พบว่ามีเชื้อก็จะแยกผู้ต้องขังไปยังหอผู้ป่วยเพื่อรักษาโรคต่อไป

รายงานข่าว ระบุปิดท้ายว่า สำหรับการจัดลำดับชั้นนักโทษนั้น จะต้องเป็นกรณีที่เจ้าตัวเป็นนักโทษคดีเด็ดขาด คือ ศาลมีคำสั่งพิพากษาเรื่องโทษจำคุกเรียบร้อย ไม่ว่าจะเด็ดขาดชั้นต้น เด็ดขาดชั้นอุทธรณ์ หรือเด็ดขาดชั้นฎีกา ซึ่งในกรณีที่ผู้ต้องขังรายใดไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน หรือ เรียกว่าเป็นการต้องโทษครั้งแรก เมื่อเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พิจารณาองค์ประกอบต่างๆ แล้ว ผู้ต้องขังจะได้รับการจัดลำดับชั้นนักโทษเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นกลาง ทั้งนี้ สำหรับกระบวนการแรกรับผู้ต้องขังใหม่ เจ้าพนักงานเรือนจำจะมีการใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 1 ชม. ต่อผู้ต้องขังหนึ่งราย.