จากกรณีไม้พะยูงของกลาง 7 ท่อน มูลค่า 1 ล้านบาท หายไปจากเทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เมื่อต้นเดือน ส.ค. 66 ที่ผ่านมา ต่อเนื่องด้วยการพบเหตุตัดไม้พะยูงขายในโรงเรียนและที่ราชพัสดุจำหน่ายหลายแห่ง โดยทุกแห่งเป็นการตัดไม้พะยูงโดยใช้ช่องว่างทางกฎหมาย นอกจากนี้ ยังส่อเอื้อประโยชน์ให้บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐบางคน ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบข้อเท็จจริง และคณะกรรมการตรวจสอบเชิงลึก กรณีตัดไม้พะยูงในโรงเรียน กำลังดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการตัดไม้พะยูงในโรงเรียนอย่างเข้มข้น ขณะเดียวกันที่มีชาวบ้านผู้รักษ์และหวงแหนไม้พะยูง ส่งข้อมูลการลักลอบตัดและขออนุญาตตัดไม้พะยูงในโรงเรียน มาที่ฝ่ายความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพบมีการแจ้งเหตุตัดไม้พะยูงในที่ราชพัสดุแล้วจำนวน 12 แห่ง และเรียกผู้ซื้อไม้มาสอบปากคำแล้ว ซึ่งให้การที่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ และถูกกันตัวเป็นพยาน เพื่อเชื่อมโยงให้ถึงนายทุนจีน ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา ที่ห้องปฏิบัติงานราชการ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เขต 4 ขอนแก่น และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 4 จ.ขอนแก่น (ดีเอสไอ) ได้เข้าพบนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ และนายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ ในฐานะหัวหน้าชุดเฉพาะกิจตรวจสอบขอเท็จจริง และหัวหน้าคณะตรวจสอบเชิงลึก กรณีตัดไม้พะยูงโรงเรียน ซึ่งเป็นการพบปะ พูดคุย และแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

นายศุภศิษย์ กล่าวว่า ในประเด็นปัญหาไม้พะยูงที่เกิดขึ้นใน จ.กาฬสินธุ์ มี 2 ส่วน คือกรณีไม้พะยูงของกลางหายที่เทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยางตลาด และกรณีการขออนุญาต และให้อนุญาตตัดไม้พะยูงในโรงเรียนที่เกิดขึ้นหลายแห่ง ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัด และฝ่าฝืนคำสั่งกรมธนารักษ์ ตาม ว 20 ซึ่งให้ตัดได้ตามความจำเป็นเท่านั้น เรื่องที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องที่ผิดกฎมาย ทำให้ภาครัฐเกิดความเสียหาย ซึ่งภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง กำลังดำเนินการไต่สวน ตรวจสอบ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งนี้ หลังจากนี้ทางฝ่ายองค์กรอิสระเอง ก็จะลงพื้นที่เก็บข้อมูลตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป

นายศุภศิษย์ กล่าวอีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้น นอกจากทางจังหวัดจะมีหนังสือถึงอธิบดีกรมป่าไม้แล้ว ยังขอความร่วมมือกับ ป.ป.ช.ประจำ จ.กาฬสินธุ์ รวมทั้ง ป.ป.ท.เขต 4 ขอนแก่น และ ดีเอสไอ เขต 4 ขอนแก่น ดำเนินการตามหน้าที่ วันนี้ถือเป็นนิมิตหมายอันดี ที่ทางองค์กรอิสระทั้งระดับเขตและส่วนกลาง 3 หน่วยงานคือ ป.ป.ท.-ดีเอสไอ-ป.ป.ช. ได้เข้ามาพบกับทางจังหวัด มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล และจะได้ดำเนินการร่วมกันต่อไป

“เรื่องที่เกิดขึ้น ข้อมูลที่ได้ทั้งหมด ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบข้อเท็จจริง และคณะกรรมการตรวจสอบเชิงลึก กรณีตัดไม้พะยูงในโรงเรียน รวมทั้ง ป.ป.ท.-ดีเอสไอ และ ป.ป.ช. ก็จะได้ประมวลผล และสรุปเนื้อหาสาระ นำเสนอต่อ ครม. เพื่อแก้ไขปรับปรุง การใช้ช่องว่างทางกฎหมาย ให้มีความรัดกุม สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ป้องกันทรัพยากรป่าไม้ให้อยู่คู่ประเทศชาติ รวมทั้งยังเป็นการป้องปรามการใช้อำนาจหน้าที่มิชอบของส่วนราชการ อย่างไรก็ตาม ในส่วนการติดตามคดีเกิดขึ้นใน จ.กาฬสินธุ์ นั้น ขณะนี้ตีวงแคบเข้ามาทุกขณะ โดย ป.ป.ช.ประจำ จ.กาฬสินธุ์ ได้ส่งเรื่องไปที่ ป.ป.ช.ส่วนกลางพิจารณาแล้ว ขณะที่ ป.ป.ท.และดีเอสไอ ก็จะได้ร่วมกันรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ที่ผ่านมาอาจจะเห็นว่าล่าช้าไปบ้าง เนื่องจากมีบุคคลเกี่ยวข้องหลายส่วน ทั้งนี้ ทางจังหวัดยืนยัน ทุกฝ่ายทำงานกันอย่างเต็มที่ ไม่มีใครใส่เกียร์ว่าง และไม่มีมวยล้มแน่นอน” นายศุภศิษย์ กล่าว