จากกรณีเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ part 6 โพสต์คลิปแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ นั่งอยู่ในคาเฟ่ยามค่ำคืน พร้อมข้อความ “ผิดวินัยสงฆ์โลกะวัชชะใช่ไหม..แต่ถ้ามาบ่อยๆ มันก็เกินงามไปหรือไม่กิจของสงฆ์? เวลา 3 ทุ่มอยู่คาเฟ่?ยังไงนะ เหตุเกิดคาเฟ่แห่งหนึ่งในซอยบางแวก 27 ชาวบ้านเรื่องร้องเรียนมา พระสงฆ์นอกวัด” ทีมข่าวเดินทางสอบถามความเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น กับพระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี  ถึงความเหมาะสมหรือไม่ที่พระสงฆ์ไปนั่งอยู่ในคาเฟ่ยามค่ำคืนดึกดื่น

พระพยอม กล่าวว่า ช่วงนี้ถือว่าเป็น สองกรณีใหญ่ๆเข้าในหลักธรรมประเภทเดียวกัน คือพวกไม่มีกาลัญญุตา ไม่รู้กาล ไม่รู้เวลาไม่รู้สถานที่ ไม่รู้กาลเทศะ ไปในบ่อนการพนัน สถานบันเทิง อย่างนี้เขาเรียกว่าอโคจร แล้วก็ไปอยู่ในร้านคาเฟ่ถ้าเกินเวลามันก็ไม่สมควร ขนาดชาวบ้านเขายังรู้เลยว่ามันเกินไปแล้ว แต่ตัวพระเองกลับไม่รู้ ไม่สมกับการที่เป็นพุทธสาวก พุทธสาวกแปลว่าผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน แค่กาลเวลาอันควรไม่ควรแค่นี้ก็ไม่รู้ซะแล้ว กลายเป็นนักบวชมืดบอดเต็มไปด้วยความไม่รู้ คิดว่านั่งอยู่ได้นานดีกว่าคนอื่นเก่งกว่าคนอื่น แต่ที่จริงแล้วเป็นทางเสื่อมมากกว่าคนอื่น

พระพยอม กล่าวอีกว่า เพราะเวลาหนึ่งทุ่มนี่ก็แทบจะถือว่าเกินแล้ว สำหรับพระควรจะไปอยู่ในวัดนี่สามทุ่มยังอยู่ในคาเฟ่ถ้าเป็นคาเฟ่แบบเก่าแย่เลยเพราะจะมีร้านเหล้า มีอะไรต่ออะไรจะเป็นอโคจรเต็มเปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้เขาบอกว่าแค่ร้านกาแฟ แต่มันเกินเวลาถือว่าก็ไม่รู้กาลไม่รู้เวลา ไม่รู้กาละเทศะจังหวะสถานที่ ทำให้เสียยี่ห้อนักบวชซึ่งแปลว่าพุทธสาวกเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ก็ขอให้รู้ให้ตื่นให้เบิกบาน อย่าไปนั่งหลับนั่งพับนั่งหุบกันอยู่เลย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงนี้เป็นช่วงเข้าพรรษาพระไปนั่งอยู่จนมืดค่ำ จะขาดพรรษาหรือไม่ พระพยอม กล่าวว่า ยังไม่ขาดพรรษา เพราะว่าถ้าไปถึงวัดสว่างพอดีอย่างนี้ขาดพรรษา แต่ถ้าไปถึงวัดสมมุติว่าห้าทุ่มตีหนึ่ง ก็ยังไม่ได้รับแสงอรุณ แสงอรุณไม่ทันขึ้นไม่ขาด แต่ไม่เหมาะสมในการไปนั่งอยู่ในที่แห่งนั้น คือไม่ยินดีในปลีกวิเวก พระต้องพยายามอยู่ในที่ไปวิเวก การไปอยู่ในที่จอแจเป็นเรื่องที่ผิดนิสัยสมณะของสงฆ์ โลกจะติเตียนได้