เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศก่อนการเดินทางถึงประเทศไทยของ 136 จากทั้งหมด 145 แรงงานไทย ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการนำเอาบันไดโดยสารเครื่องบิน 2 ชุด เตรียมเทียบอากาศยาน ซึ่งแรงงานไทยทั้งหมด จะโดยสารเครื่องบินกองทัพอากาศ Airbus 340-500 เที่ยวบินที่ RTAF220 หลังจากเดินทางออกจากสนามบินนานาชาติ เบนกูเรียน ประเทศอิสราเอล ตั้งแต่เวลา 22.31 น. (ตามเวลาท้องถิ่นของอิสราเอล) ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 11 ชม. โดยในจำนวน 136 คนนี้ เป็นชาย 132 คน หญิง 4 คน ไม่มีเด็ก ผู้ป่วย และชาวต่างชาติ ซึ่งครั้งนี้เป็นเที่ยวบินที่สอง ในการปฏิบัติภารกิจอพยพคนไทยของกองทัพอากาศ

และหลังจากเดินทางมาถึงที่ บน.6 มี พล.อ.ท.ชัยนาท ผลกิจ รองเสนาธิการทหารอากาศ สายงานด้านกิจการพลเรือน คณะผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ทหารอากาศ เดินทางมาร่วมต้อนรับ รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงแรงงาน มาร่วมอำนวยความสะดวกให้บริการด้านต่าง ๆ และทันทีที่เดินทางมาถึง แรงงานไทยจำนวน 136 คน จะเข้าสู่ขั้นตอนพิธีการเข้าเมืองและตรวจสอบสิทธิแรงงาน หรือขอคำปรึกษาด้านต่าง ๆ กับหน่วยงานราชการ ก่อนจะแยกย้ายขึ้นรถบัสที่ทางการจัดเตรียมไว้ให้จำนวน 4 คัน ก่อนจะนำไปส่งที่สถานีกลางบางซื่อ เพื่อรอพบครอบครัว ก่อนแยกย้ายกลับภูมิลำเนาต่อไป

สำหรับบรรยากาศการเดินทางมาถึงของ 136 แรงงานไทย ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศ ซึ่งได้มีการนำป้ายไวนิล ระบุข้อความ “กองทัพอากาศยินดีต้อนรับทุกท่านกลับสู่ประเทศไทย” ไปถือยืนรอต้อนรับ 136 แรงงานไทย ซึ่งจะเดินลงมาจาก Airbus340-500 ต่อมาเวลา 14.20 น. พล.อ.ท.ชัยนาท ผลกิจ รองเสนาธิการทหารอากาศ กล่าวกับเจ้าหน้าที่ทั้ง 35 ราย ซึ่งเป็นผู้ร่วมปฏิบัติภารกิจในเที่ยวบินดังกล่าว ว่า เราได้ทำภารกิจเพื่อประเทศชาติจริงๆ พี่น้องคนไทยที่อยู่อิสราเอล ไม่ว่าจะอยู่ภาคไหนในประเทศไทย แต่พวกเขาไปเจอปัญหามรสุมตรงนั้น แต่กองทัพอากาศเรา ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รวม 35 ชีวิต ก็ได้ให้ความช่วยเหลือ และเรายังมีอากาศยานที่สามารถรองรับพวกเขากลับสู่มาตุภูมิได้อย่างปลอดภัย ขอให้ทุกคนภาคภูมิใจในภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในเที่ยวบินต่อๆ ไป หลายท่านที่จะต้องทำภารกิจนี้ ทางผู้บัญชาการกองทัพอากาศก็ขอขอบคุณพี่ๆ น้องๆ ทุกคน และขอให้โชคดีทุกท่าน

ขณะที่ พล.อ.ต.บุญเลิศ อันดารา โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า กองทัพอากาศจะทำหน้าที่ตาม 3 วัตถุประสงค์ คือ 1.คนไทยต้องกลับมาถึงไทยอย่างปลอดภัย 2.คนไทยต้องกลับมาถึงไทยโดยเร็วที่สุด และ 3.คนไทยต้องกลับมาถึงไทยให้ได้มากที่สุด ซึ่งกองทัพอากาศได้รับมอบหมายทั้งสิ้น 6 เที่ยวบิน ขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว 2 เที่ยวบิน และสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ส่วนเที่ยวบินที่ 3 จะเกิดขึ้นในวันที่ 21 และ 22 ตุลาคมนี้ และหวังว่าจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีเช่นกัน ส่วนในเที่ยวบินที่ 4-6 อยู่ระหว่างการวางแผนของคณะทำงานศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน (Rapid Response Center-RRC)

เมื่อถามถึงการปรับแผนการนำคนไทยไปไว้ที่ประเทศที่สาม คือ อาบูดาบี เมืองหลวงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะต้องใช้เครื่องบินกองทัพอากาศ C130 เข้าไปสมทบช่วยด้วยหรือไม่นั้น พล.อ.ต.บุญเลิศ กล่าวว่า ในแผนที่ 1 ยังเดินทางด้วยรูปแบบเดิม แต่หากมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลง ก็จะมีการทำ Airbridge หรือสะพานเชื่อมทางอากาศ ในแผน 2 ซึ่งจะพร้อมทำภารกิจในแผนที่ 2 เมื่อได้รับคำสั่งการ และเมื่อถามว่าการบินในเที่ยวต่อไป จะมีการปรับแผนบินในระยะใกล้กว่าเดิมหรือไม่ พล.อ.ต.บุญเลิศ กล่าวว่า เที่ยวบินที่ 3 ยังเป็นเส้นทางเดิมอยู่ แต่ในเที่ยวบินที่ 4-6 หากมีการเปลี่ยนแปลงก็มีความเป็นไปได้ที่จะปรับเส้นทางให้ใกล้ขึ้น ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่าจะมีจุดรับคนไทยที่จัดสำรองไว้ในประเทศที่ 3 ก่อนที่จะรับกลับมาที่ประเทศไทย ย้ำว่ามีความเป็นไปได้

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในบรรดาแรงงานไทยทั้ง 136 ราย ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด หรือกระสุนปืนจากภัยสงครามอิสราเอล-ฮามาส แต่อย่างใด และเมื่อเดินทางมาถึงท่าอากาศยานทหาร 2 แรงงานไทยต่างมีใบหน้าสดใส ยิ้มแย้ม สวมหน้ากากอนามัย พร้อมโบกธงชาติไทยที่ได้ถือไว้ บางรายตอบคำถามผู้สื่อข่าวด้วยว่า ตนเป็นชาวจังหวัดนครพนม รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้กลับมาที่ประเทศไทย.