เมื่อวันที่ 18 ก.ย. นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ ประธานอนุกรรมการนโยบายการท่องเที่ยว รองเลขาธิการ และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลจะเปิด 5 จังหวัดที่รวมถึง กทม. ในวันที่ 1 ต.ค. และอีก 21 จังหวัด ในวันที่ 15 ต.ค. แต่เนื่องจาก รมว.การท่องเที่ยวฯ แจ้งว่า กทม. ยังไม่พร้อมเพราะยังฉีดยากันไม่ถึง 70% จึงขอเลื่อนไปวันที่ 15 ต.ค. ทั้งนี้ ได้มีนายแพทย์ผู้ชำนาญการได้ออกมาเตือนเป็นห่วงว่า ถ้าไม่พร้อมจริง การเร่งเปิดประเทศ จะทำให้เกิดการระบาดครั้งใหม่ได้ เพราะปริมาณคนที่ได้รับวัคซีนในประเทศไทยยังอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ประชาชนที่ฉีดเข็มแรกมีเพียง 39.9% ประชาชนที่ฉีด 2 เข็มมีเพียง 19% การเปิดประเทศโดยที่ประชาชนยังได้รับการฉีดวัคซีนจะทำให้มีโอกาสเกิดการระบาดครั้งใหม่ได้ 

นายจักรพล กล่าวว่า ขณะเดียวกัน ยังไม่ต้องพูดถึงคุณภาพวัคซีนที่ไม่สามารถจะป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ได้อีกเป็นจำนวนมาก ล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติซื้อวัคซีนโมเดอร์นา ที่มีคุณสมบัติในการป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ได้ดี จำนวน 1 ล้านโด๊ส เพื่อมอบให้กับสภากาชาด ทำให้แปลกใจว่าทำไม ครม. ถึงไม่สั่งซื้อวัคซีนโมเดอร์นาในจำนวนที่มากๆ 20-30 ล้านโด๊สเพื่อเป็นวัคซีนทางเลือกให้กับประชาชน ซึ่งน่าจะป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลต้าที่กำลังระบาดในไทยได้ดีกว่าวัคซีนชนิดอื่น โดยเฉพาะป้องกันได้ดีกว่าวัคซีนซิโนแวคมาก จึงไม่เข้าใจหลักคิดของรัฐบาล 

“ไม่อยากให้คิดได้ว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พยายามที่จะเปิดประเทศทั้งที่ยังไม่พร้อมก็เพราะต้องการกลบข่าวคะแนนไม่ไว้วางใจมากสุด คะแนนไว้วางใจรองบ๊วย ความแตกแยกในรัฐบาล ความแตกแยกในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ไม่น่าจะจบง่ายๆ พล.อ.ประยุทธ์ ดูเหมือนจะเท้าลอยแล้ว เพราะเลขาธิการพรรค และเหรัญญิกพรรค พปชร. ยังคงเป็นคนที่ พล.อ.ประยุทธ์ ปลดออกจาก ครม. แล้วจะมองหน้ากันติดได้อย่างไร รวมถึงการสอบสวนของประธานสภาเรื่องการแจกเงิน 5 ล้านบาทกับ ส.ส. เพื่อไม่ให้โหวตล้มนายกฯ ซึ่งถ้าทำเพียงเพื่อกลบข่าวเหล่านี้ ปัญหาต่างๆ จะตามมาอีกมาก” นายจักรพล กล่าว

นายจักรพล กล่าวต่อว่า หากรัฐบาลต้องการที่จะเปิดประเทศ เพื่อรับนักท่องเที่ยว และแก้ปัญหาเศรษฐกิจ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรค พท. ขอเสนอแนวทาง 8 ด้านดังนี้ 1.เร่งฉีดวัคซีนคุณภาพให้ครบ ให้กับประชากรในแหล่งท่องเที่ยวทุกแห่งให้ถึง 70-80% และสั่งจองวัคซีนคุณภาพล่วงหน้าเพื่อจัดฉีดให้ประชาชนในปีถัดไป 2.เตรียมยารักษาไวรัส ยาป้องกัน และสถานพยาบาลพร้อมบุคลากรทางการแพทย์ให้พร้อมในกรณีที่เกิดการระบาดของไวรัส 3.เร่งพัฒนาปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยว สร้าง landmark ใหม่ เพิ่มอันดับขีดความสามารถต่างๆ ในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวและเปิดการท่องเที่ยวในอนาคต 

นายจักรพล กล่าวด้วยว่า 4.ต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของการท่องเที่ยวในอนาคต ที่น่าจะมุ่งที่คุณภาพของนักท่องเที่ยวมากกว่าปริมาณ 5.เพิ่มสถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละอำเภอ โดยใช้หลัก CBT และ BCG ส่งเสริมการกระจายรายได้ลงสู่ท้องถิ่นอย่างทั่วถึงเพื่อฟื้นระบบเศรษฐกิจในชุมชนและครัวเรือน 6.ช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยวที่มีปัญหาทางการเงินจากวิกฤติไวรัสโควิด 7. สร้างแอพพลิเคชั่นการจองโรงแรมและการท่องเที่ยวที่เป็นของประเทศไทยเอง เพื่อส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวและส่งเสริมธุรกิจด้านเทคโนโลยี และ 8.ใช้เทคโนโลยีรูปแบบใหม่ เพื่อประกอบการท่องเที่ยวให้น่าสนใจ 

“แนวทางและนโยบายเหล่านี้จะเป็นทิศทางอนาคตที่จะทำให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยฟื้น อีกทั้งยังจะทำให้การท่องเที่ยวของไทยดีขึ้นกว่าเดิมได้ และจะเป็นนโยบายหลักของพรรค พท. ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในอนาคต หากพรรคเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เข้ามาบริหารประเทศ โดยจะมีนโยบายปรับปรุงการท่องเที่ยวให้พัฒนาที่มากกว่านี้ และเชื่อว่าจะทำให้ประเทศไทยกลับไปยืนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของโลกได้อีกครั้ง จะสร้างงานสร้างรายได้ กระจายรายได้ สร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับประชาชนทั้งประเทศอีกครั้ง” นายจักรพล กล่าว.