เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 4 ธ.ค. ที่ สำนักงาน สส.พรรคก้าวไกล เขต 7 จ.นนทบุรี ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี ลูกจ้างร้านอาหารแห่งหนึ่ง เดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือกับ นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง สส.พรรคก้าวไกล เขต 7 จ.นนทบุรี หลังโดนแฟนที่อยู่กินด้วยกันทำร้ายร่างกายมาตลอด 10 ปี จนล่าสุดทนไม่ไหวหนีออกมาเกือบ 2 เดือนแล้ว ยังถูกแฟนตามระรานไม่เลิก ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพิ่งบุกเข้ามาทำร้ายที่ห้องเช่า และเตะเข้าที่เบ้าตาจนเขียวช้ำ แต่ น.ส.เอ ไม่กล้าแจ้งความ เพราะเคยไปแจ้งความที่ สภ.บางบัวทอง กว่า 10 ครั้ง ตำรวจให้แค่ลงบันทึกประจำวัน อ้างเป็นเรื่องผัวเมีย

น.ส.เอ กล่าวว่า ตนมีแฟนที่อยู่กินกันมาเป็น 10 ปี และเลิกกันไปได้ประมาณ 2 เดือน ทุกวันนี้ตนทำงานแบบหลบๆ ซ่อนๆ ก่อนหน้านี้เคยเช่าห้องอยู่ใกล้กับสุเหร่า แต่เจ้าของกลัวก็ไล่ออก เพราะถ้าแฟนเจอตนตรงไหนก็จะทำร้ายตรงนั้น ตนเคยพูดคุยกับเจ้าของร้านอาหารที่ทำงานว่า หากตนไม่ได้อยู่แถวนี้แล้วยังอยากให้ทำงานอยู่หรือไม่ ตนยอมขี่รถจยย.ไป-กลับก็ได้ ตอนนี้ใจของตนอยากอยู่ใกล้ลูกแถวมีนบุรีมากกว่า อยากให้ลูกเห็นว่ายังมีชีวิตอยู่ กลัวว่าจู่ๆ แฟนจะเข้ามาทำร้ายอีก ปัจจุบันลูกของตนอยู่กับสามีเก่าที่มีนบุรี ตนมาอยู่ที่นี่ก็มีญาติแต่ไม่ค่อยได้สนใจหรือพูดคุยกันเท่าไหร่ เคยต้องไปหาหมอเพราะต้องลอกตา เนื่องจากแฟนมักทำร้าย และเน้นบริเวณเบ้าตาบ่อยครั้ง ตนเคยขอเบิกเงินจากหัวหน้างาน แต่ไม่ก็ได้รับความช่วยเหลือ สำหรับแฟนนั้นรู้อยู่แล้วว่าตนสู้ไม่ได้ เพราะเป็นคนทำงานไม่ได้เสพยา ตนต้องทนอยู่กับแฟนที่เสพยาและทำร้ายร่างกายมาตลอด 10 ปี เมื่อวานได้มีการบอกเล่ากับน้าของแฟนแล้ว แต่ก็ถูกไล่ให้ไปแจ้งความดำเนินคดี ไม่ได้สนใจอะไร ตนอยากแจ้งแต่กลัวว่าจะได้รับเพียงแค่ลงบันทึกประจำวันอีก โดยทางตำรวจให้เหตุผลว่าเรื่องของผัวเมียทะเลาะกัน 2-3 วันเดี๋ยวก็ดีกัน เป็นแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ตนทำงานส่งเสียเลี้ยงดูครอบครัวแฟนมาตลอด เคยพาแฟนไปทำงานก็เข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ จนญาติพี่น้องของตนต่อว่าว่าทนไปทำไม เพื่ออะไร แต่ตนก็พูดออกมาไม่ได้เพราะไม่มีที่ปรึกษา ไม่มีใครมานั่งฟังความรู้สึก ได้แต่เก็บไว้คนเดียว มาทำงานร้านอาหารที่นี่ก็ได้คนที่ทำงานให้คำปรึกษา ให้การช่วยเหลือทั้งที่ไม่ใช่ญาติพี่น้อง

น.ส.เอ กล่าวต่อว่า จนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตนไม่รู้จะทำอย่างไร หากไปแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจก็คงจะแค่ลงบันทึกประจำวันไว้ให้ เป็นแบบนี้มาตลอด ตอนนี้แฟนมีหมายมาเรียกตัว ศาลจะติดต่อมาทางตนเพื่อสอบถามว่าเพราะอะไรแฟนถึงไม่ไปรายงานตัว หากไม่มาจะถูกออกหมายจับ แต่ตนได้แจ้งไปแล้วว่าไม่ได้อยู่ด้วยกันมาเกือบ 2 เดือนแล้ว หากจะจับก็สามารถพาไปได้เลย วันนี้ที่เดินทางเข้ามาร้อง สส.โป้ง เนื่องจากโดนทำร้ายร่างกายโดยการต่อย เตะ บริเวณเบ้าตา กระชากศีรษะ และด่าทอสารพัด ไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร ตนหมดความอดทนแล้ว วันเกิดเหตุตั้งใจจะหยิบมีดขึ้นมาเพื่อป้องกันตัว แฟนหันมาเห็นเตะเข้าที่เบ้าตาของตน ตนไม่มีเงินจึงทำให้ไม่ได้ไปหาหมอ วันเกิดเหตุตนไม่รู้ว่าแฟนเข้ามาตั้งแต่ตอนไหน นั่งกินข้าวอยู่กับหลานชาย เปิดประตูห้องไว้ มาถึงก็คว้าโทรศัพท์แล้วถามว่าตนมีผัวใหม่ใช่หรือไม่ แต่ตนก็งงว่าใคร หลังจากนั้นก็โดนทำร้ายและขู่ว่าหากเจอกันตรงไหนก็จะทำร้ายตรงนั้น ตอนนี้ตนไม่กล้าออกไปไหน รู้สึกกลัวเพราะไม่รู้ด้วยว่าคนแถวนี้เป็นอย่างไร ตอนนี้อยากให้แฟนเลิกยุ่งเกี่ยวกับตน ตนอยู่ตัวคนเดียว รู้สึกกลัว อยากทำงานแบบมีความสุข หารายได้เพื่อเลี้ยงลูกทั้ง 3 คน ปัจจุบันลูกอยู่กับพ่อของเขา หากตนมีเงินก็จะเดินทางไปหาลูก ถ้าไม่มีก็จะใช้การโทรคุยแทน เพราะตนเองก็มีภาระค่าใช้จ่ายไม่กล้าไปหาลูกและเดินทางไปไหนไกล ต้องใช้ชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ตลอดเวลา

ทนายโป้ง กล่าวว่า เบื้องต้นผู้เสียหายเล่าให้ฟังว่า โดนแฟนที่อยู่กินด้วยกันทำร้ายมาตลอด 10 ปี จนล่าสุดทนไม่ไหวหนีออกมาเกือบ 2 เดือนแล้ว เหตุการณ์ล่าสุดคือนั่งกินข้าวอยู่กับหลานชาย แฟนมาเจอก็โดนทำร้ายอีก จนทนไม่ไหวแล้ว ตลอดระยะเวลาที่โดนทำร้ายผู้เสียหายไปแจ้งความทุกครั้ง คาดว่าตำรวจไม่เข้าใจถึงความรู้สึกของผู้เสียหาย จึงเลือกที่จะลงแค่บันทึกประจำวันไว้ให้ ตอนนี้เริ่มทนไม่ไหวแล้วโดนทำร้ายหนักขึ้นทุกวัน เริ่มเกิดความหวาดกลัว หลังจากนี้ขอเวลาลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงจากที่ฟังแล้วยังสงสัยว่าจะมีคนเจอเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริงมากน้อยอย่างไร จะถูกทำร้ายขนาดนี้ได้อย่างไร หากเป็นความจริงคงละเลยไม่ได้

ทนายโป้ง กล่าวอีกว่า พรุ่งนี้ช่วงบ่ายจะพาผู้เสียหายไปแจ้งความที่ สภ.บางบัวทอง และจะสอบถามกับตำรวจว่าที่ผ่านมาทำไมจึงเลือกที่จะลงแค่บันทึกประจำวัน ทำไมไม่ดำเนินคดี เพราะนี่เป็นความผิดในคดีอาญา ไม่ว่าจะทำร้ายร่างกายหรือจิตใจก็ตาม ไม่สามารถอ้างเป็นผัวเมียได้ และได้ข้อมูลมาว่าผู้ชายคนนี้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดด้วย หลังจากลงพื้นที่แล้วจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อยกให้เป็นกรณีตัวอย่างภายในสังคมต่อไป

เบื้องต้นทางด้านนายอภิสิทธิ์ ธรรมธาดา ผู้ช่วยดำเนินงานประจำตัว สส.พรรคก้าวไกล เขต 7 จ.นนทบุรี เห็น น.ส.เอ (นามสมมุติ) ร้องไห้ และเกิดความสงสาร จึงมอบเงินช่วยเหลือจำนวน 500 บาท เพื่อให้ไว้ใช้จ่ายจำเป็น.