เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. จากกรณีที่มีคนร้ายเป็นชายไทยไม่ทราบชื่อ สวมหมวกกันน็อก ใส่เสื้อสีดำแขนยาว กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีดำ ถืออาวุธปืน ใช้รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเป็นพาหนะมาจอดบริเวณลานจอดรถห้างโลตัส สาขา อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เดินเข้าไปที่ร้านทองจากนั้นได้เอาทองจำนวน 4 ถาด รวมกว่า 80 เส้น น้ำหนักราวๆ 300 บาท มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ก่อนวิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พ.ต.อ.นพฤทธิ์ กันทา ผกก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมชุดสืบสวนจังหวัดเชียงใหม่ได้นำหมายศาล บุกเข้าทำการจับกุมตัว นายธัชเศรษฐ์ อายุ 37 ปี ในข้อหา “ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมของกลางเงินสดกว่า 1.4 ล้านบาท

พล.ต.ต.ธวัชชัย เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้สืบสวนสอบสวนก็พบว่าเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายหายไปที่บ้านหรูแห่งหนึ่ง อยู่ใกล้กับสวนส้มชื่อดัง และพบว่าแม้คนร้ายจะใส่ชุดคลุมทั้งร่าง แต่ใส่รองเท้ายี่ห้อดัง ราคาแพง และต่อมาพบว่านายธัชเศรษฐ์ ผู้ต้องหา ได้เดินทางออกนอกประเทศหลังเกิดเหตุบุกชิงทอง และดันใส่รองเท้ายี่ห้อแพงแบบคนร้ายใส่ ทางเราจึงติดตามหาข้อมูลก็พบว่าผู้ต้องหาไปประเทศเมียนมา เพื่อขายทองคำหนัก 300 บาท ในมูลค่า 4 ล้านบาท และได้เอาเงินสดกลับมา จำนวน 1.5 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะกลับไปเอาเงินสดในเดือนหน้า เราจึงขอเสนอศาลออกหมายจับและบุกจับกุมตัวได้ในที่สุด

เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ทำการเทรดหุ้นและบิตคอยน์เสียเงินไปเยอะ ขาดทุนย่อยยับ จึงอยากได้เงินทุนไปต่อยอดในการเทรดต่อจึงตัดสินใจก่อเหตุครั้งนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ต้องหารายนี้นั้น เป็นลูกเขยของเจ้าสัว ในพื้นที่ อ.ฝาง เป็นบุคคลมีชื่อเสียง ร่ำรวย และมีบ้านหรูหลายหลัง