เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ได้สั่งการให้โรงเรียน และหน่วยงานในสังกัดทุกภาคส่วนสำรวจอาคาร สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ในสถานศึกษา หากชำรุดทรุดโทรมให้รีบรายงานสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) เร่งซ่อมแซมแก้ไขโดยด่วน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ปกครอง ถึงความปลอดภัยในการส่งบุตรหลานมาเรียนเข้าใช้อาคารเรียนนั้น โดยในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตนได้สั่งการให้ ผอ.สพท.ประสานกับวิศวกรหรือช่างโยธาในพื้นที่ให้เข้ามาสำรวจอาคารเรียนแต่ละแห่งว่ามีสภาพอายุการใช้งานมากน้อยแค่ไหนในสถานศึกษาสังกัดของตัวเอง โดยให้เขตพื้นที่จัดลำดับความสำคัญของอาคารเรียนที่วิกฤติ เพื่อจัดทำคำของบประมาณหมวดงบซ่อมแซมอาคารสถานที่ โดยขอให้เป็นสภาพอาคารที่วิกฤติจริงๆ

ว่าที่ร้อยตรีธนุ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้จากการสำรวจอาคารเรียนที่ชำรุดทรุดโทรมที่มีผลกระทบกับโครงสร้างหลักและไม่ปลอดภัยต่อการใช้งานของผู้เรียนและครูมี จำนวน 873 รายการ  โดยใช้งบประมาณดำเนินการในเรื่องนี้จำนวน 541,120,740 บาท ซึ่งจะอยู่ในแผนงบประมาณปี 2568 สำหรับปัญหาอาคารเรียนที่เขตพื้นที่ได้สำรวจมานั้น  ซึ่งจำนวน 873 รายการดังกล่าวถือเป็นสภาพอาคารเรียนที่วิกฤติเป็นโหมดสีแดงถือว่าอันตรายอย่างมากหากมีการใช้งานโดยที่ไม่ปรับปรุงแก้ไข เนื่องจากอาคารเรียนสร้างมานานกว่า 40 ปีแล้ว และมีความเสื่อมโทรมตามสภาพการใช้งาน อย่างไรก็ตามระหว่างที่รองบประมาณได้ฝากให้เขตพื้นที่ดูแลโรงเรียน โดยจัดหาที่เรียนอย่างเหมาะสมใช้อาคารที่มีความปลอดภัยชั่วคราวไปพลางก่อน พร้อมกับปิดกั้นพื้นที่บริเวณอาคารเรียนที่ชำรุดระหว่างการรื้อถอนเพื่อความปลอดภัยด้วย.