ในช่วงเวลาที่เทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเริ่มใกล้เข้ามา ทำให้ประเด็นของการรักษาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการรับประทานอาหารในงานเลี้ยง เริ่มกลับเข้ามาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเรื่องของการรักษาสุขภาพฟัน

คำแนะนำให้แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งนั้นได้รับการยอมรับว่าถูกต้องเหมาะสม แต่หัวข้อที่เป็นที่ถกเถียงกันมานานในหลายประเทศเกี่ยวกับการแปรงฟันก็คือ เราควรแปรงฟันก่อนหรือหลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การแปรงฟันก่อนรับประทานอาหารเช้า สร้างผลกระทบที่แตกต่างจากการแปรงฟันหลังจากรับประทานอาหารอยู่ไม่น้อย

คุณหมอลอว์เรนซ์ สมิธ ทันตแพทย์ในเครือบูพา ซึ่งประจำการอยู่ที่สถานพยาบาลทางทันตกรรมไบรเยอร์ วอลเลซ ในย่านไนท์สบริดจ์ของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้ออกมาชี้แนะเคล็ดลับในการรักษาสุขภาพฟัน ระหว่างการร่วมงานเลี้ยงในเทศกาล ซึ่งเต็มไปด้วยอาหารและของหวานจำนวนมาก

คุณหมอแนะนำว่า หากจะรับประทานของหวาน ให้รับประทานต่อจากมื้อหลักในทันที และไม่ควรรับประทานของหวานเป็นระยะ ๆ ตลอดทั้งวัน เพราะการบริโภคน้ำตาลจะไปกระตุ้นให้แบคทีเรียในช่องปากสร้างกรดออกมา ซึ่งจะทำให้ฟันผุได้ง่าย หากเรารับประทานน้ำตาลตลอดเวลา ก็จะทำให้เรามีน้ำตาลอยู่ในปากตลอดเวลาเช่นกัน ซึ่งสภาพเช่นนี้ จะทำให้น้ำลายของเรา ซึ่งเป็นด่านป้องกันฟันผุตามธรรมชาติ ไม่สามารถจัดการน้ำตาลจำนวนมากที่เรากินเข้าไปได้อย่างทั่วถึง ซึ่งนำไปสู่การเกิดฟันผุ

ส่วนประเด็นที่ว่าเราควรแปรงฟันก่อนหรือหลังอาหารมื้อเช้านั้น คุณหมอสมิธชี้ว่า การแปรงฟันก่อนรับประทานอาหารเช้า จะทำให้เคลือบฟันบางลง พอเราไปรับประทานอาหารที่มีความเป็นกรด หรืออาหารที่มีน้ำตาลผสมอยู่เป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นย่อมส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อสุขภาพฟัน

แต่การแปรงฟันหลังอาหารมื้อเช้า ก็ไม่ควรจะทำทันทีที่รับประทานเสร็จ ควรจะรอประมาณ 30 นาที หลังจากรับประทานอาหารแล้ว เพื่อให้น้ำลายในปากช่วยปรับระดับค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ในปากมีความสมดุลเสียก่อน รวมถึงเป็นการปล่อยให้น้ำลายคืนแร่ธาตุกลับสู่ฟัน ซึ่งจะช่วยไม่ให้เป็นโรคฟันผุและโรคเหงือกอักเสบ

แต่ถ้าหากไม่สะดวกที่จะแปรงฟันหลังจากอาหารมื้อเช้า หรือจำเป็นต้องแปรงฟันก่อนการรับประทานมื้อเช้า คุณหมอแนะนำให้ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีการเสริมสารฟลูออไรด์ หรือใช้แปรงสีฟันที่มีเส้นขนอ่อนนุ่ม เพื่อลดการสึกกร่อนของเคลือบฟัน

นอกจากนี้ คุณหมอยังเสริมคำแนะนำสำหรับนักดื่มว่า ไวน์ขาวจะดีต่อสุขภาพฟันมากกว่าไวน์แดง ที่จะทำให้เกิดคราบที่ฟัน และควรหลีกเลี่ยงการดื่มสปาร์คกลิงไวน์ซึ่งมีความเป็นกรดสูง โดยชี้ว่าส่วนใหญ่แล้ว เครื่องดื่มประเภทไร้น้ำตาล แต่มีฟองหรือมีความซ่า จะมีกรดคาร์บอนิกเป็นส่วนผสม ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เคลือบฟันสึกกร่อนได้

ที่มา : ladbible.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES