เมื่อเวลา 12.53 น. วันที่ 4 ม.ค. ที่รัฐสภา นายชยพล สท้อนดี สส.กทม.พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ว่า ไม่ว่าจะกี่ปี ก็ยังทำงบฯ แบบเดิมๆ จัดทำงบแบบไม่มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การจัดทำคำขอ การให้รายละเอียด และการจัดสรรงบแบบสะเปะสะปะ สุดท้ายต้องจัดทำงบฯ มาเพื่อตามล้างแผลเก่าไม่หยุดไม่หย่อน
“เมื่อเปรียบเทียบที่มาและความต้องการของสำนักส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ที่ของบฯ 273 ล้านบาท กับกองทับบกของบฯ 17,623 ล้านบาท ในขณะที่สำนักส่งเสริมเศรษฐกิจฯ เขียนที่มา ความต้องการ เป้าหมาย และตัวชี้วัด แต่กองทับบกกับปล่อยโล่งเป็นกระดาษเปล่า อยากได้เงินทำโครงการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพ แต่ความสามารถในการเขียนหนังสือยังไม่มี อยากจะจับปืนแต่จะจับปากกาเพื่อเขียนขอปืนยังทำไม่ได้” นายชยพล กล่าว
นายชยพล กล่าวต่อว่า ภาพรวมการจัดหายุทโธปกรณ์ ของกระทรวงกลาโหม ในปี 67 ลดลง 2,400 ล้านบาท ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องดี แต่ตนขอดำดิ่งลงไปในคลังแสง ก็ต้องพบกับนวัตกรรมใหม่ที่ซ่อนอยู่ ถ้าเราอยากให้ยอดการจัดหาอาวุธในปีนี้มันดูน้อย โดยที่ไม่ลดโครงการจัดหาอาวุธ ก็แค่ดาวน์น้อยๆ และผ่อนนานๆ ตนขอแนะนำให้รู้จักกับ “สุทิน ดาวน์น้อยสุดยอดนวัตกรรมอินโนเวทินคลังแสง” ดังนั้นถ้าเอาความจริงที่จะต้องเริ่มดาวน์ตั้งแต่งวดแรกและมาโปะเพิ่ม ก็จะกลายเป็น 35,000 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับความจริงแล้ว รัฐบาลชุดนี้ยอดคลังแสงทวีศิลป์กว่ารัฐบาลชุดก่อน
“ดาวน้อยซ่อนเคราะห์ใหญ่ เรื่องนี้ต้องขยี้ เพราะนอกจากจะดาวในสัดส่วนที่น้อยแต่ยอดเงินรวมที่จะก่อหนี้ผูกพันให้ผ่อนกันไปยาวๆ มีมูลค่ามากถึง 57,816 ล้านบาท มากกว่า ปี 66 กว่าถึง 2-3 เท่า ซ่อนหนี้ก้อนโตไปไว้ไกลๆ หากเราตรวจสอบแค่ปีต่อปี อาจมองไม่เห็นแต่หากเราคิดถึงอนาคตของประเทศจริง เราจะเห็นความพินาศชิ้นใหญ่รออยู่ ขอถามไปยังนายสุทิน ว่าเหตุใดจึงไม่พยายามรักษาวินัยการคลัง หากงบฯ นั้นไม่พอ ก็ควรให้กองทัพลดจำนวนโครงการหาอาวุธลง ไม่ใช่ปล่อยให้จำนวนโครงการมีตามที่กองทัพต้องการและไปลดยอดเงินดาวน์แบบนี้ เพราะจะเป็นภาระในปีต่อๆ ไป” นายชยพล กล่าว
นายชยพล กล่าวต่อว่า ในการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ จะเห็นว่า จีนทำผิดสัญญา เลยระยะเวลาในการส่งมอบเรือไปแล้ว 94 วัน นับแต่วันครบกำหนด (2 ต.ค. 66) ถามว่านายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง จะทำอย่างไร และอยากทราบว่าจุดยืนของพรรคเพื่อไทยยังเหมือนสมัยที่เป็นฝ่ายค้านหรือไม่ ตั้งแต่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อภิปรายไว้ในสภา และตอนนี้ได้เป็นที่ปรึกษานายกฯ แล้ว จึงขอให้นายกฯ ฟังความเห็นของนายยุทธพงศ์ด้วย.