จากกรณีเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิดในพื้นที่หมู่ 3 ต.ศาลาขาว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (17 ม.ค.) หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่อีโอดี พิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเก็บซากศพ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนกระจัดกระจายทั่วบริเวณ นอกจากนี้ยังมีหลายหน่วยงานทั้งตำรวจ, พม., ปภ., ยุติธรรมจังหวัด ร่วมกันลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และดำเนินการช่วยเหลือตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ที่วัดโรงช้าง ต.ศาลาขาว อ.เมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้เดินทางมาตรวจติดตามการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.7 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิด โดยมี พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7, พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร., นายดรณ์ สมิตะเกษตริน รอง ผวจ.สุพรรณบุรี, พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร รอง ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.พิพัฒน์ ชุ่มมณีกูล รอง ผบช.ภ.7 และ นพ.พัฒธพงษ์ ประชาสันติกุล นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉินและนิติเวช ร่วมรายงานผลการปฏิบัติ  

สำหรับความคืบหน้าล่าสุดขณะนี้มีผู้เสียชีวิต 23 ราย  ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ อยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ซึ่ง ผบ.ตร.สั่งการให้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการ (ศปก.) 2 จุด คือ ศปก.สน.ฯ ตั้งอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ, นิติเวช, พิสูจน์หลักฐาน, ฝ่ายปกครอง, กู้ภัยตรวจพิสูจน์สถานที่เกิดเหตุ และ ศปก.ร่วมฯ ณ วัดโรงช้าง เพื่อนำศพทั้ง 23 ราย มาตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์ และให้การช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิต ประสานงานญาติ รับแจ้งคนหายเพิ่มเติม  โดยมีเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานอยู่ร่วมปฏิบัติงาน

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย ในวันนี้มาเป็นกำลังใจให้ทีมงาน เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยพยายามลงมาช่วยเหลือญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต และตรวจสอบให้ได้ว่าผู้เสียชีวิตเป็นใคร ที่พิสูจน์ได้ ตามข้อห่วงใยของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ขณะนี้ยืนยันเสียชีวิตประมาณ 23 ราย แต่ตอนนี้เราพบร่าง 22 ราย ยังอยู่ในที่เกิดเหตุ 4 ราย กำลังจะเคลียร์พื้นที่เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และ EOD เข้าไปเคลียร์พื้นที่อีกครั้ง ตอนนี้ยังทยอยนำศพออกมา ซึ่งการเข้าเคลียร์พื้นที่ต้องใช้ความระมัดระวัง และต้องรักษาสภาพที่เกิดเหตุไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อตรวจสอบวัตถุพยานที่เกิดเหตุนั้นสำคัญ เพื่อดูสาเหตุการเกิดเหตุครั้งนี้ด้วย

 ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า เรื่องระเบิดไม่เหมือนเรื่องอื่นๆ เราต้องเก็บวัตถุพยานไว้ให้ได้มากที่สุด เราไม่มีผู้รอดชีวิตจากที่เกิดเหตุมาเลย จึงไม่มีประจักษ์พยานมาบอกว่าสาเหตุอะไร ดังนั้นต้องใช้นิติวิทยาศาสตร์ในการช่วยตรวจพิสูจน์ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงาน ทั้งนี้ได้สั่งการให้ระดมชุดพิสูจน์หลักฐาน นิติเวช และพนักงานสอบสวน ร่วมตรวจที่เกิดเหตุหาพยานหลักฐาน พิสูจน์ทราบสาเหตุการระเบิด อย่างละเอียดรอบคอบ และทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา รวมทั้งประเด็นข้อสงสัยของสังคมเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ตำรวจทั่วประเทศ ร่วมหน่วยงานเกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานที่เก็บพลุ วัตถุอันตรายที่ในลักษณะใกล้เคียง เพื่อหามาตรการในการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก และหารือฝ่ายปกครองว่า เราควรจะนำโรงงานแบบนี้ออกมาอยู่นอกชุมชนดีกว่าหรือไม่ ไม่ควรไปตั้งในชุมชน เพราะโอกาสเกิดระเบิดหลายสาเหตุ เมื่อเป็นอันตรายและเกิดการสูญเสียจำนวนมาก เราก็ต้องคุยกัน หรืออาจต้องกำหนดโซนนิ่งหรือไม่ เพื่อไม่ให้ชุมชนตามออกไป เราพยายามทำ ไม่อยากให้วัวหายแล้วล้อมคอก

ต่อมาช่วงบ่าย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปดูที่เกิดเหตุ พร้อมกล่าวว่า ได้เห็นประเด็นที่เกิดเหตุมีหลุมที่มีแรงระเบิดจำนวน 20 หลุม กว้างใหญ่มากประมาณ 3 เมตร ลึกประมาณ1 เมตร ชิ้นส่วนมนุษย์ไกลสุดประมาณ 200 เมตร แต่ชิ้นส่วนของวัสดุก่อสร้างกระจัดกระจายไกลกว่า 1 กิโลเมตร แสดงว่ารุนแรงมาก วัสดุที่เกี่ยวข้องกับระเบิดตรงนี้ก็คงมีปริมาณมากพอสมควร ส่วนจะเท่าไหร่อย่างไร ต้องสอบถามรายละเอียดจากการเช็กจากอำเภอ แต่ถ้านายอำเภอไม่มีรายละเอียดมาก ก็จะต้องถามที่หน่วยงานกลาโหมที่ควบคุมการซื้อขายวัตถุระเบิด และสิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือ การบูรณาการของหน่วยงานที่มีอยู่ ทุกคนมีใบอนุญาต ออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการแล้ว แต่การตรวจสอบเรื่องของการใช้ หรือคนงานที่เกิดความเคยชิน ทำไป 1 วัน 7 วัน ระมัดระวังเต็มที่ พอถึง 1 เดือน เป็นความเคยชินเห็นเป็นงานประจำก็เลยพลั้งเผลอประมาทจนเกิดเหตุขึ้น ฉะนั้นเรื่องการบูรณาการ การควบคุมต้องมี ต้องเกิดขึ้น ทั้งกฎหมาย และกฎกระทรวงก็ต้องทำ

“นอกจากนี้เรื่องของประกันโรงงานแบบนี้ ซึ่งไม่รู้ว่ามีรายได้มากมายขนาดไหน แต่ถ้าจะทำโรงงานแบบนี้ ต้องประกันชีวิตให้กับคนงานทุกคนด้วยตัวเลขจำนวนสูง มิฉะนั้นปัญหาที่จะต้องมารับผิดชอบก็คือ ภาครัฐจะต้องรับผิดชอบ เกิดจากความไม่สมดุลในเรื่องของระเบียบกฎหมาย ตรงนี้ไม่ควรที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่วนการชดเชยเยียวยา ได้ประสานกับกระทรวงยุติธรรมแล้วขอให้เร็วที่สุด เพราะกระทรวงยุติธรรมจะเป็นแหล่งเงินชดเชยค่าเสียหายเกี่ยวกับคดีอาญาได้มากที่สุดตามกฎหมาย” นายสมศักดิ์ กล่าว

ขณะที่ ดร.อุดม โปร่งฟ้า ที่ปรึกษา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า พรุ่งนี้ (19 ม.ค.) เวลา 08.00 น. ตนจะนำเงินไปมอบให้ญาติผู้เสียชีวิตรายละ 1 หมื่นบาท และให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยทุกหน่วยที่ทำงานกันแบบเหน็ดเหนื่อย ทั้งนี้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจกับคนทำงาน