เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ร.ต.อ.วิทยา ศิริเทพรอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ได้รับแจ้งว่ามีเหตุลูกชายคลุ้มคลั่งอาละวาด กำลังทุบทำลายบ้านเพื่อจะเข้าไปทำร้ายแม่ตัวเองเหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 178/5 ซอยพละบุดีศรีอุดร 2 ชุมชนหนองเตาเหล็กเทศบาลนครอุดรธานี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังสายตรวจ 191 พร้อมด้วยเหล็กง่าม ออกไประงับเหตุ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูน 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด ตัวบ้านมีการติดตั้งลูกกรงเหล็กทั้งประตูและหน้าต่างรอบบ้านอย่างมิดชิด บริเวณระเบียงหน้าบ้านพบนายสมพิทักษ์ หรือหนุ่ม อายุ 41 ปี ลูกชายเจ้าของบ้าน กำลังร้องเอะอะโวยวาย พยายามจะเข้าไปหานางสมพงษ์ อายุ 75 ปี เจ้าของบ้าน ที่ล็อกกุญแจขังตัวเองและหลานชายไว้ภายในบ้าน โดยมีเศษขวดแก้วแตกกระจายเต็มพื้นภายในบ้านและหน้าบ้าน ซึ่งมี น.ส.ชยาดา มหาเสนา อายุ 47 ปี ลูกสาว ยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่หน้าบ้านด้วยความเป็นห่วงแม่ โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ได้

เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง นายหนุ่มยังคงเอะอะโวยวายจับใจความได้ว่าต้องการเงินผู้เป็นแม่ อ้างว่ารู้ว่าแม่มีเงินเพราะเห็นแม่ถือเงินอยู่ อยากจะได้เงินจากแม่ ระหว่างตำรวจกำลังเจรจาไกล่เกลี่ย นายหนุ่มมีท่าทีสงบลงเล็กน้อยและอ้างว่าจับตนไม่ได้ ตนไม่ได้ทำอะไรผิด และเมื่อ น.ส.ชยาดา พี่สาวเดินเข้าไปหน้าบ้าน นายหนุ่มก็มีท่าทีฉุนเฉียวขึ้นมาอีก จึงเกิดการโต้เถียงกันอีกรอบ บอกว่าต้องการเงิน น.ส.ชยาดา จึงตัดสินใจควักเงิน 500 บาท ให้ตำรวจยื่นให้นายหนุ่ม เมื่อนายหนุ่มได้เงินจึงเดินหลบไปที่บ้านพักตัวเอง ที่อยู่หลังบ้านทันที

นางสมพงษ์ เล่าทั้งน้ำตาว่า ตนเองมีลูก 5 คน นายหนุ่มเป็นลูกชายคนเล็ก ลูกคนอื่นแยกไปมีครอบครัวที่อื่น ตนอยู่บ้านหลังนี้กับหลานชาย 1 คน ส่วนนายหนุ่มเพิ่งพ้นโทษจำคุก ข้อหาจำหน่ายยาเสพติดและเสพยา ออกมาได้ประมาณ 5 เดือน และมาขออาศัยอยู่ด้วย เมื่อพ้นโทษออกมา แม่ก็นึกว่าเขาจะสำนึกและกลับตัวเป็นคนดี ไม่นานก็หวนกลับมาเสพยาอีก มักจะมีเพื่อนมามั่วสุมในบ้าน ตนจึงสร้างบ้านอีกหลังให้อยู่ลำพัง อยู่ด้านหลังของบ้านหลังนี้

นางสมพงษ์ กล่าวว่า ลูกชายไม่ได้ทำงานอะไร ขอเงินแม่ใช้ทุกวันเพื่อไปซื้อยาบ้ามาเสพ วันไหนที่ขอไม่ได้ก็จะอาละวาด ทุบทำลายข้าวของในบ้าน ตนกลัวอันตราย กลัวลูกจะทำร้าย เมื่อหลานชายออกไปทำงาน ตนจะล็อกประตูบ้านขังตัวเองไว้ในบ้านทันที เป็นอย่างนี้มาหลายเดือนแล้ว เมื่อเช้าลูกชายขอเงิน 20,000 บาท แม่ก็เลยไป 1,500 บาท แล้วเขาก็หายไปทั้งวัน ตกบ่ายมาขออีกว่าจะเอาไปซื้อมือถือ ตนทนไม่ไหวไม่รู้จะเจ็บหรือตายวันไหน ขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยจับไปบำบัดให้ด้วย

เบื้องต้นตำรวจยังไม่ได้ควบคุมตัวนายหนุ่ม เพราะหลังจากมีการเจรจาไกล่เกลี่ย นายหนุ่มมีท่าทีอ่อนลง อ้างว่ายังไม่ได้ทำร้ายร่างกายใคร จึงได้ทำบันทึกประวัติเอาไว้เพื่อเฝ้าระวังพฤติกรรมของนายหนุ่ม ล่าสุดญาติของนายหนุ่มได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองอุดรธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ย้อนกลับไปควบคุมตัวนายหนุ่มที่บ้านพัก

จากการตรวจค้นภายในบ้านพบยาบ้า 1 เม็ด พร้อมอุปกรณ์การเสพ ก่อนนำตัวมาทำการสอบสวนและแจ้งขอกล่าวหาประพฤติตนวุ่นวาย, ทำให้เสียทรัพย์, ทำร้ายบุพการี, มียาเสพติดประเภท 1 ไว้ในครอบครอง และจะทำการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป