จากกรณีเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ Part 6 โพสต์คลิป พระสงฆ์ขับรถเก๋งมาจอดเดินลงจากรถ มีคนพบเห็นเข้าไปเตือน พระสงฆ์ไม่พอใจ มีการโต้เถียงและอ้างรู้จักคนใหญ่คนโต พูดจานักเลงและพูดคำหยาบคาย โดยระบุข้อความว่า “ใส่สบงแล้วทรงพลังของขึ้น โวยวาย รอง ผกก.ที่ไปทริปกับผมเห็นพระรูปนี้ขับรถเข้ามาจอดในปั๊ม เค้าก็เตือนว่าให้ขับรถดีๆ พระขับมันไม่เหมาะสม แค่นั้นแหละของขึ้นเลย ตอนแรกเดินมาขอเงินพวกผมด้วย พอบอกตำรวจมาขับรถหนีพวกผมเฉย”

เมื่อวันที่ 28 ม.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดสวนแก้ว อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าวกับ พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว พระพยอม กล่าวว่า พระองค์นี้ไม่ได้ดูคำสอนของพระพุทธเจ้า เกี่ยวกับจะกล่าวคำเป็นเหตุให้ถกเถียงกันทำให้จิตฟุ้งซ่าน ห่างจากธรรมไม่เห็นธรรม เพราะมัวแต่เถียงกัน การเถียงกันมีแต่เรื่องบานปลาย แทนที่เรื่องจะจบง่ายๆ ไปยกเรื่องกะโหลกกะลาขึ้นมา อ้างว่ารู้จักคนสำคัญ แล้วจะมาพูดให้วุ่นวายทำไม เสียหลักในการอยู่อย่างสงบ ไปถกไปเถียงไปด่าว่าหยาบคาย ผลที่สุดสู้ชาวบ้านไม่ได้

เดี๋ยวบานปลายมีเรื่องชกต่อยตีกันก็สู้เขาไม่ได้อีก เพราะฉะนั้นต้องจบง่ายๆ ถือหลักโบราณ ว่ายอมไม่เป็นก็เย็นไม่ได้ ต้องยอมหยุดและเย็น กรณีนี้เป็นบทเรียนคนชอบต่อล้อต่อเถียงต่อปากต่อคำ ต่อความยาวสาวความยืด เรื่องจะจบยาก และจะกลายเป็นนิสัย การเป็นพระสงฆ์จะไม่ใช้วาจาที่มันหยาบคาย เกินสมณะสารรูป คำหวานๆ มีเยอะแยะไม่พูด ไปพูดคำหยาบเอาสัตว์เดรัจฉานมาต่อล้อต่อเถียงกันมันไม่รู้จักจบ การเป็นพระสงฆ์ควรมีสัมมาวาจา อย่างนี้เรียกว่ามิจฉาวาจา