เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆ ทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น ได้เผยแพร่ภาพจาก เพจเฟซบุ๊กชื่อ “โอชิเน ขอนแก่น – Oshinei Khon Kaen” ซึ่งได้โพสต์เรื่องราวน่ารักๆ ภายในร้านระหว่างลูกค้ากับทางร้าน พร้อมข้อความระบุว่า “#รีวิวค่าปรับทำลายสถิติ ยอด 13,381.42 ลูกค้า 4 ท่าน มาใช้โปรโมชั่น “มา 4 จ่าย 3” โปร 1,150++ (#โปรนี้มีตลอดเดือน) และเพิ่งเคยมาทานครั้งแรก อาจด้วยความหิวจึงได้รัวสั่งอาหารผ่านระบบอัตโนมัติของเรา .. พนักงานได้แจ้งทวนเรื่องนโยบายค่าปรับ สำหรับโปร 1,150++ อยู่ที่ 300 บาท/ขีด และ สามารถห่อกลับได้ .. รวมถึงคอนเฟิร์มออร์เดอร์ที่สั่ง (เพราะ ค่อนข้างเยอะมาก) ปรากฏว่า หลังทานอย่างเอร็ดอร่อย คุณลูกค้าสู้ขาดใจ ผ่านไปร่วมๆ 2 ชั่วโมง อยู่ๆ เครื่องดับ ไปต่อไม่ไหวเหลือรวมกว่า 2.7 กิโลกรัม หรือ 27 ขีด ซึ่งมีมูลค่าค่าปรับ หลังรวม vat 7% และ service 5% จะอยู่ที่ 9,100.35 บาท

ซึ่งลูกค้าก็น่ารักมาก ยินดีที่จะจ่ายทั้งหมด และชมว่าอาหารอร่อยมาก ด้วยที่ว่ายอดค่าปรับเยอะเป็นสถิติใหม่.. ทางผู้จัดการร้านจึงได้ปรึกษากับผู้บริหาร เห็นควรในกรณีนี้ว่า ให้เปลี่ยนค่าปรับแบบขีด เป็นคิดเงินลูกค้าเพิ่มจำนวน 3 หัว เพราะ น้ำหนักเฉพาะอาหารรวม 2.7 กิโล หากเฉลี่ยก็ตกท่านละ 0.9 กิโล ซึ่งเป็นน้ำหนักที่เรามักจะทานบุฟเฟ่ต์ได้ ซึ่งลูกค้าก็ดีใจมาก ขอบคุณทางร้าน และ แจ้งว่าเพิ่งเคยมาทานครั้งแรก อาหารอร่อยมาก รวมถึงได้ขออภัยที่สั่งเยอะเกิน … สุดท้ายแล้ว จากยอด 13,381.42 จึงลดลงมาเหลือ 7,954.92 บาท อาหารที่เหลือจะถูกนำมาชั่ง โดย #น้ำหนักที่ชั่งจะเป็นน้ำหนักเฉพาะเนื้อล้วน เช่น กรณีเป็นหอย ก็จะเอาเปลือกออกให้ก่อนชั่ง เป็นต้น (รูปที่ลง คือ รูปตอนชั่ง ..ยังไม่ได้ทำการจัดกล่อง ตกแต่ง สำหรับห่อกลับ ให้ดูเหมือนสั่งมาใหม่) ทางร้านได้ขอบคุณลูกค้ารีวิวการโดนปรับ ซึ่งคุณลูกค้าก็ยินดีค่ะ (คุณลูกค้าขา รีวิวหน่อยค่ะ) เลยเอามาเล่าแชร์ให้ฟัง ลูกค้าแฮปปี้ เราก็แฮปปี้ ทุกฝ่ายแฮปปี้ คือสิ่งที่เรายึดถือ เหนือกว่ากำไรสูงสุด ป.ล. ทานเหลือ ไม่ต้องยัด = ปรับ = ห่อกลับเหมือนใหม่”

ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่ร้าน “โอชิเนขอนแก่น” ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 191/16 หมู่ 16 ถนนศรีมารัตน์ ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น จ.ขอนแก่น โดยพบว่าร้านพร้อมรอรับลูกค้าที่จะมารับประทานอาหารในเวลาตั้งแต่ 11.00-22.00 น. ของทุกวัน

จากการสอบถาม น.ส.สุริยาพร การโสภา อายุ 24 ปี ผู้จัดการร้าน และ น.ส.จิราวัลย์ เทียบท้าว อายุ 20 ปี กัปตันร้าน ร่วมกันเปิดเผยว่า ในวันดังกล่าว ลูกค้ามารับประทานอาหารที่ร้าน โดยมากันทั้งหมด 4 คน ชาย 2 คน หญิง 2 คน ซึ่งเป็นช่วงที่ร้านจัดโปรโมชั่นเป็นบุฟเฟ่ต์ราคาหัวละ 1,150 บาท ซึ่งลูกค้าทานตามปกติ ก็จะมีการสั่งออร์เดอร์ไปทางครัว ซึ่งทางเชฟเห็นว่ามีออร์เดอร์เยอะมาก จึงให้กัปตันที่รับออร์เดอร์ไปคอนเฟิร์มกับลูกค้าอีกครั้ง ว่าลูกค้าต้องการจะรับจริงๆ ตามที่ออร์เดอร์ใช่หรือไม่ พร้อมทั้งแจกแจงรายละเอียดของออร์เดอร์ที่สั่งว่าแต่ละรายการจะมีกี่ชิ้น โดยแจกแจงทุกรายการที่ลูกค้าสั่ง ซึ่งลูกค้าก็ยืนยันคอนเฟิร์มทุกรายการ และยืนยันว่ารับประทานหมด

“จากนั้นกัปตันได้ยืนยันออร์เดอร์กับทางครัว และเริ่มปรุงอาหารตามที่ลูกค้าออร์เดอร์มาทั้งหมด ช่วงที่ลูกค้านั่งรับประทานไปได้สักพัก ก็เริ่มสอบถามเรื่องค่าปรับกับทางพนักงาน บอกว่าเริ่มทานไม่ไหวแล้ว ทานกัปตันจึงเข้าไปแจ้งในเรื่องของจำนวนเงินค่าปรับ โดยทางร้านมีกฎชัดเจน ปรับเงินราคา 300 บาทต่อขีด ทั้งแจ้งลูกค้าว่าให้นั่งรับประทานก่อนอีกสักพัก ก่อนที่ลูกค้าจะทานต่อ แต่สุดท้ายก็เรียกพนักงานมาคิดเงิน บอกว่ารับประทานต่อไม่ไหวแล้ว นำไปชั่งคิดค่าปรับได้เลย”

น.ส.สุริยาพร กล่าวต่ออีกว่า พอชั่งน้ำหนัก พบว่าเนื้อเหลือรวมน้ำหนัก 2 กก. 8 ขีด คิดราคาต่อขีดละ 300 บาท รวมเป็นเงินค่าปรับทั้งหมด 8,400 บาท บวกกับราคาโปรโมชั่นบุฟเฟ่ต์ มา 4 จ่าย 3 หัวละ 1,150 บาท ยอดรวมทั้งหมด 13,381 บาท ซึ่งได้แจ้งลูกค้าก็พร้อมที่จะจ่ายค่าปรับดังกล่าว แต่ทางร้านเห็นว่าเป็นการเสียค่าปรับที่เยอะมาก และมากที่สุดตั้งแต่เปิดร้านมา จึงได้โทรฯ สอบถามผู้บริหารก่อนว่าจะสามารถช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างไรบ้างหรือไม่ ซึ่งแม้ว่าลูกค้าจะยินดีให้ปรับในจำนวนเงินดังกล่าว แต่ทางร้านมองว่ามันสูงเกินไป จึงพยายามหาทางช่วยทุกทาง โดยผู้บริหารให้คำแนะนำมาว่า ถ้าทางร้านจะคิดค่าปรับ ก็คิดเป็นหนึ่งท่านต่อ 1 กก. ในส่วนค่าปรับนั้น จึงนำมาเฉลี่ยเป็นเงินในสามคน คิดราคาบุฟเฟ่ต์หัวละ 1,150 บาท โดยปรับเพิ่มหัวบุฟเฟ่ต์ไปอีกสามท่าน โดยไม่คิดค่าปรับ 28 ขีด ก็จะทำให้ลูกค้าชำระเงินจริง เหลือเพียง 7,955 บาท ซึ่งลูกค้าก็แฮปปี้ ทางร้านเองก็แฮปปี้ เพราะทางร้านเองได้แจ้งตั้งแต่ต้นแล้วว่าการปรับนั้นมีวิธีการปรับอย่างไร

“ตามที่ลูกค้าสั่งออร์เดอร์ยาวเหยียดนั้น คิดว่าจะมาจากการที่ลูกค้าหิวมาก ซึ่งสั่งแบบไม่ลังเล และยืนยันกับพนักงานแบบไม่มีท่าทีลังเล ยืนยันว่าจะกินให้หมด และอยากจะฝากถึงลูกค้าที่กำลังโมโหหิวมาทานอาหารที่ร้าน ซึ่งทางร้านก็จะมีคำแนะนำและคำชี้แจงในการสั่ง และการรับเงินอย่างชัดเจนกับลูกค้าทุกคนก่อนให้บริการทุกครั้งอยู่แล้ว ก็อยากให้ลูกค้าใจเย็นๆ ค่อยๆ สั่ง เพราะเชฟเราทำอาหารออกเร็วตามมาตรฐาน มีการกำชับเวลาอยู่แล้ว ไม่ให้ลูกค้าต้องรอนานอย่างแน่นอน” ผู้จัดการร้าน กล่าว.