เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 12 ก.พ. ที่ สน.ประเวศ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และนางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พาผู้เสียหายไฮโซสาว อายุ 25 ปี เข้าพบ พ.ต.อ.นิภพล สุขนิยม รอง ผบก.น.4 และ พ.ต.ท.พีรวัฒน์ สุขรมย์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ประเวศ หลังถูกไฮโซหนุ่มลูกชายนักการเมืองชื่อดังพยายามข่มขืน เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะตั้งแต่เกิดเหตุผ่านไป 1 สัปดาห์ ยังไม่มีความคืบหน้า

อย่าใส่ร้าย! ‘อภิชัย’ ซัด ‘เซเลบสาว’ กล่าวหาลูกชายขืนใจ ชี้เป็นขบวนการแบล็กเมล์

โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นช่วงกลางดึกของวันที่ 4 ก.พ. ผู้ก่อเหตุเป็นเพื่อนของแฟนผู้เสียหาย ก่อนเกิดเหตุได้ไปกินดื่มกันกับกลุ่มเพื่อนในร้านอาหารแห่งหนึ่ง จากนั้นผู้ก่อเหตุบอกกับผู้เสียหายว่า จะพาผู้เสียหายไปส่ง แต่ระหว่างทาง ผู้ก่อเหตุอ้างว่า จะแวะเอาของที่บ้าน ประกอบกับผู้เสียหายมีอาการเมาสุราและอาเจียน จึงให้ไปล้างหน้าในบ้านของผู้ก่อเหตุ จากนั้นก็ได้พยายามจะฉุดกระชากผู้เสียหายเพื่อข่มขืน จนทำให้เกิดบาดแผลตามร่างกายหลายแห่ง แต่ผู้เสียหายก็หนีรอดมาได้ หลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความที่ สน.ประเวศ ดำเนินคดีกับคู่กรณี 3 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นฯ, กักขังหน่วงเหนี่ยวฯ และกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ เหตุเกิดที่บ้านพักของผู้ก่อเหตุ ย่านศรีนครินทร์ 59 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร

น.ส.สุชาดา กล่าวแทนผู้เสียหายว่า ในส่วนรายละเอียดของทางคดี ยังไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้มาก เนื่องจากอยู่ในสำนวนของคดี แต่ในวันนี้เป็นการนำผลการตรวจของแพทย์มามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อเป็นพยานหลักฐานเพิ่มเติมสำหรับการดำเนินคดี โดยสาเหตุที่ออกมาในครั้งนี้ เพื่อไม่อยากให้เรื่องเงียบ เพราะยอมรับว่าคดีนี้มีความเป็นผู้มีอิทธิพลมาเกี่ยวข้อง แต่ก็เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศว่า จะสามารถอำนวยความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียหายได้

ส่วนกรณีที่ครอบครัวฝั่งผู้ก่อเหตุให้สัมภาษณ์กับสื่อช่องหนึ่งว่า กรณีดังกล่าวนั้นเป็นการพยายามทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของครอบครัวและเรื่องนี้มีการพูดคุยกันจบแล้ว พร้อมทั้งจะมีการฟ้องดำเนินคดีกลับไปยังฝั่งผู้เสียหาย น.ส.สุชาดา กล่าวว่า ที่จริงแล้วทางฝั่งผู้เสียหายกำลังรอท่าทีจากฝั่งผู้ก่อเหตุว่าจะมีการรับผิดชอบอย่างไร แต่ปรากฏว่าทางฝั่งผู้ก่อเหตุนั้นกลับเพิกเฉย และไม่มีท่าทีที่จะมาขอโทษหรือไกล่เกลี่ยรับผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากคดีผ่านมาหลายวันแล้ว และยังไม่มีการพูดคุยกันเลย ส่วนที่จะมีการฟ้องในคดีกลับนั้น ตนและผู้เสียหายยังคงเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ก่อนที่นายเอกภพ จะพูดขึ้นมาว่า ชื่อเสียงของครอบครัวสำคัญกว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หรือ โดยเฉพาะศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของหญิงผู้เสียหายคนนี้ ฝั่งครอบครัวผู้ก่อเหตุไม่เสื่อมเสียชื่อเสียงหรอก หากคนในครอบครัวไม่มาทำร้ายผู้เสียหายเช่นนี้ คุณจะเป็นใครไม่สำคัญ ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ใครทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดี หมดยุคสำหรับคนรวยล้นฟ้าที่จะไม่ถูกดำเนินคดีแล้ว ยิ่งหลักฐานในคดีนี้ก็ชัดเจนแล้วว่ามีการกระทำความผิดขึ้นจริง อีกทั้งยังได้นำเรียนผ่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้ว ว่าขอให้ดำเนินการให้ความเป็นธรรมกับคดีนี้ ตนมองว่าคดีนี้นั้น ผิดก็ว่าไปตามผิด อย่าปกป้องคนในครอบครัว ไม่งั้นสังคมจะเกิดความบิดเบี้ยวขึ้นได้ และฝั่งผู้เสียหายเองก็อยู่ในฐานะที่ดี ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาแบล็กเมล์ใด ๆ ด้วย

ด้านผู้เสียหาย ยืนยันว่า จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุกับคนอื่นอีก อยากให้คนผิดมารับโทษ มีความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม แต่ก็กลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องเรียนเพื่อให้ช่วยตามคดี

ขณะที่ พ.ต.อ.นิภพล สุขนิยม รอง ผบก.น.4 เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนดำเนินการไปตามขั้นตอน มีการสอบพยานไปแล้ว เหลือพยานอีก 1 ปาก ที่จะต้องต้องสอบปากคำ อีกทั้งยังมีการตรวจที่เกิดเหตุไปแล้วด้วย ตอนนี้ คือต้องรอผลการตรวจร่างกายของแพทย์ เพื่อจะนำมาพิจารณาในการแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป.