เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุม 1 โครงการชลประทานศรีสะเกษ อำเภอเมือง  จังหวัดศรีสะเกษ นายนพ พงศ์ผลาดิสัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดศรีสะเกษ การเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี 2567 เพื่อให้การเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งปี 2567 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัยให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ 

โดยมีนายธีระภัทร์ ผิวสวัสธ์ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 13 อุบลราชธานี  เข้าร่วมประชุม และรายงานถึงแนวทางการสนับสนุนทรัพยากรในพื้นที่รับผิดชอบ นายพีระพงศ์  หมื่นผ่อง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ  หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนจากทุกภาคส่วนเข้าร่วมประชุม

ต่อมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้ร่วมประเมินสถานการณ์ ผ่านระบบห้องศูนย์บริหารจัดการน้ำอัจฉริยะ เพื่อประเมินสถานการณ์น้ำในพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นายนพ พงศ์ผลาดิสัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า การประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดศรีสะเกษ ในวันนี้ เพื่อเป็นการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยเฉพาะการแบ่งมอบหมายภารกิจในระดับพื้นที่ ตลอดจนเรื่องของการสำรวจข้อมูล เฝ้าระวังภัยแล้ง และพื้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้งซ้ำซากต่างๆ การเตรียมการแบ่งมอบพื้นที่ของหน่วยงานต่างๆ ที่จะเข้ามาช่วยเหลือในพื้นที่ เพื่อลดผลกระทบจากคาดว่าอาจจะประชาชนที่ประสบภัยแล้ง ซึ่งจากที่มีการสั่งการให้ อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการสำรวจ มีพื้นที่เสี่ยงจะประสบภัยแล้ง อยู่ 1 ตำบล คือ ในพื้นที่ของเทศบาลตำบลสำโรงพลัน อำเภอไพรบึง ซึ่งประสบปัญหาเรื่องของการขาดแคลนน้ำอุปโภค หรือแหล่งน้ำดิบ ที่จะนำมาใช้ผลิตน้ำประปา

ส่วนพื้นที่อื่นๆ ตนก็ได้สั่งการให้อำเภอต่างๆดำเนินการเฝ้าระวัง ให้ดำเนินการสำรวจแหล่งน้ำดิบ ตลอดจนแหล่งน้ำใต้ดิน เพื่อเป็นการเตรียมการป้องกันภัยแล้งในเบื้องต้นซึ่งภัยแล้งบ้านเราทุกวันนี้ ได้มีการปรับเปลี่ยนไปแล้วจากอดีต ซึ่งหมายถึง สมัยก่อนการแล้ง คือประสบภัยแล้งขาดแคลนน้ำจริงๆ แต่ในปัจจุบันเป็นเรื่องของการขาดแคลนแหล่งน้ำดิบ ในการผลิตประปา ซึ่งในส่วนตัวนี้ก็คือการปรับเปลี่ยนเกี่ยวกับสถานการณ์ภัยแล้งที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน ซึ่งถ้าเราไม่แก้ไขปัญหาตัวนี้ ชาวบ้านก็จะต้องไปซื้อน้ำใช้ ซึ่งจะต้องเป็นภาระอีกขั้นหนึ่ง

นายนพ กล่าวต่อไปว่า ในช่วงหน้าแล้งนี้ ขอให้ประชาชนช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่า ซึ่งเราก็ควรต้องใช้ น้ำอย่างประหยัด ทั้งน้ำในการอุปโภคบริโภค และด้านการเกษตรเช่นเดียวกัน เพราะต่อไปในอนาคตเราก็ยังไม่รู้ว่า ฝนจะตกต้องตามฤดูกาลหรือไม่ เราจึงควรเห็นคุณค่าของการใช้น้ำอย่างมีคุณค่าที่สุด