จากกรณี เพจ “Drama-addict” โพสต์ชื่นชมและตามหาสองสามีภรรยา นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ไม่ทราบสัญชาติ ที่ช่วยเหลือชีวิตคุณยาย วัย 74 ปี เกิดอาการหน้ามืดพลัดตกแม่น้ำป่าสัก ขณะกำลงจะลงเรือรถยนต์ข้ามฟาก บริเวณท่าเรือตลาดเจ้าพรหม ต.หอรัตนไชย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันที่ 14 ก.พ. นางสุจิตตา ทองนุ่ม อายุ 74 ปี ที่รอดชีวิตจาการจมน้ำ พาผู้สื่อข่าวชี้จุดเกิดเหตุบริเวณท่าเรือข้ามฝากตลาดเจ้าพรหม ที่พลัดตกจมหายไปในแม่นำป่าสัก ขณะกำลังลงเรือข้ามฝาก โดย นางสุจิตรา ยังคงมีอาการหวาดกลัวและผวาทันทีที่เห็นท่าเรือและแม่น้ำ

นางสุจิตรา เล่าว่า วันเกิดเหตุตนต้องตื่นแต่เช้ามืด เพื่อไปเข้าคิวรับการตรวจโรคประจำตัว ที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ต้องเจาะเลือดและตรวจหลายอย่าง ใช้เวลานาน หลังการตรวจเสร็จโดยปกติแล้วจะนั่งวินจยย.รับจ้างกลับบ้านใน ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา แต่ในวันนั้นเนื่องจากที่ชาร์จโทรศัพท์เสีย จึงมาหาซื้อที่ชาร์จโทรศัพท์ที่ร้านบริเวณตลาดเจ้าพรหม ใกล้กับท่าเรือข้ามฝาก

หลังจากซื้อของเสร็จจึงได้นั่งเรือข้ามฟากเพื่อไปยังฝั่งสถานีรถไฟอยุธยา ช่วงที่เรือกำลังเข้าจอดที่ท่าเรือ ร่างกายอ่อนเพลีย ตนเกิดอาการหน้ามืดแล้วพลัดตกไปในแม่น้ำป่าสัก จังหวะนั้นในเรือจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งหมดกำลังขึ้นจากเรือ ซึ่งตนว่ายน้ำไม่เป็นด้วย ช่วงที่ตนตกลงไปมีความรู้สึกว่าจมไปลึกมาก คิดว่าคงไม่รอดชีวิตแล้ว

ระหว่างนั้นนึกถึงหลวงพ่อพุทธโสธรที่ตนนับถือ แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอะไรอีกเลย มารู้สึกตัวอีกทีคือมีคนช่วยเหลือขึ้นมาจากแม่น้ำแล้ว และมีชาวต่างชาติสองสามีภรรยากอดตนและให้กำลังใจอยู่ มาทราบภายหลังว่าสองสามีภรรยาเป็นคนช่วยชีวิตตน โดยสามีได้ทิ้งจักรยานกระโดดลงไปช่วยตนขึ้นมาจากน้ำ ซึ่งมีทรัพย์สินของชาวต่างชาติ ทั้งโทรศัพท์ กล้องถ่ายรูป แว่นตา เงินสด จมน้ำไปด้วยมีมูลค่าหลาย แสนบาท ช่วงนั้นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากไม่ได้สอบถามรายละเอียดอะไร หรือขอช่องทางการติดต่อเอาไว้

โดยทั้งสองสามีภรรยาชาวต่างชาติปลอบและให้กำลังใจตน บอกว่าปลอดภัยแล้ว และบอกว่าไม่ต้องการอะไรตอบแทน เพราะเขามีความสุขมากที่ได้ช่วยเหลือให้คนรอดชีวิต ช่วงนั้นได้แต่เพียงให้คนช่วยถ่ายภาพสองสามีภรรยาชาวต่างชาติและตนเอาไว้ พร้อมกับเล่าเรื่องราวให้ลูกสาวฟัง ลูกสาวได้พยายามติดต่อหาสองสามีภรรยาชาวต่างชาติเพื่อจะชดใช้ค่าเสียหายของทรัพย์สินและจะกล่าวขอบคุณ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้นำเรื่องราวโพสต์ลงสื่อโซเชียล เพื่อติดตามหาสองสามีภรรยาชาวต่างชาตินี้ จึงอยากขอประชาสัมพันธ์ถึงใครที่รู้จัก กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติช่วยช่วยเหลือตน ทางครอบครัวอยากจะขอบคุณและขอชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้เหตุการณ์ในวันนั้นยังมีชาวเรือที่เห็นเหตุการณ์ได้เข้ามาช่วยตนด้วย ซึ่งได้ขอบใจและมอบสินน้ำใจรางวัลให้ แต่ก็ปฏิเสธที่จะไม่รับ รู้สึกซึ้งน้ำใจของคนไทยและชาวต่างชาติที่ได้ช่วยเหลือตนเป็นอย่างมาก ทำให้รอดชีวิตมาได้

ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวได้พบกับ น.ส.ทับทิม ไทยสุมัง อายุ 45 ปี ผู้ประกอบการเดินเรือยนต์ลากจูง ซึ่งจอดเรืออยู่ใกล้ใกล้กับท่าเรือข้ามฟาก น.ส.ทับทิม เล่าว่า วันเกิดเหตุตนกำลังทำกับข้าวอยู่บนเรือ เห็นเหตุการณ์คุณยายตกจากเรือ จึงได้รีบออกมาเพื่อจะช่วยเหลือ ระหว่างนั้นเห็นชาวต่างชาติกระโดดน้ำลงไปช่วยแล้วดึงคุณยายขึ้นมาพ้นน้ำ และภรรยาก็ช่วยกันดึงคุณยายขึ้นจากน้ำ แต่ดึงไม่ไหวตนจึงได้เข้าไปช่วยอีกแรง วันนั้นถ้าเกิดชาวต่างชาติไม่กระ โดดลงไป คุณยายอาจจะจมน้ำเสียชีวิตก็ได้

ส่วนตัวรู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือคุณยายปลอดภัย ไม่ได้คิดอะไรถึงผลตอบแทนของการกระทำ แค่ได้ช่วยเหลือก็มีความสุขแล้ว ยังรู้สึกเป็นห่วงคุณยายว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง

จากนั้น น.ส.ทับทิม ได้เดินเข้าไปพบกับคุณยายเข้าสวมกอดกัน คุณยายกล่าวขอบคุณและยกมือไหว้ในความมีน้ำใจที่ได้ช่วยเหลือให้ตนเองได้รอดชีวิต