สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ว่า กระทรวงสาธารณสุขของเวียดนามออกคำสั่งใช้มาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยระบุว่าผู้ที่จะเดินทางออกจากเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ เมืองใหญ่ที่มีประชากร 9 ล้านคน และยังเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นจะต้องถูกกักตัวเป็นเวลา 1 สัปดาห์และตรวจหาเชื้อ ณ สถานที่ปลายทาง ซึ่งหนึ่งวันก่อนหน้านี้ เที่ยวบินเข้าออกกว่าสิบเที่ยวบินถูกระงับไป เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ส่งผลให้ประชาชนในเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ พากันวิตกกังวลว่าอาจะต้องมีมาตรการเข้มงวดกว่านี้ จึงทำให้ประชาชนแห่กันออกมาหาซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นตั้งแต่เย็นวันอังคารที่ผ่านมา ขณะที่ตัวเลขรายงานผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ของประเทศ พบว่ามีตัวเลขเฉลี่ยวันละเกินกว่า 1,000 ราย


จากคำบอกเล่าของพยานรายหนึ่งระบุว่า ผู้คนแห่กันออกมาซื้อทุกอย่างที่มีขาย จนชั้นวางสินค้าในซูเปอร์มาร์เกตแทบว่างเปล่าเลยทีเดียว ตัวเขาเองก็ยังหาซื้ออาหารไปให้ลูกไม่ได้เลย แม้แต่ไข่ไก่ ส่วนพยานอีกรายบอกว่า ตลาดสดในเมืองก็ปิด การหาซื้อข้าวของเป็นไปอย่างยากลำบาก

ก่อนหน้านี้เวียดนามเคยควบคุมการแพร่ระบาดไว้ได้อย่างรวดเร็ว แต่การแพร่ระบาดระลอกใหม่กลับกินเวลายาวนานกว่าสองเดือนแล้ว โดยเฉพาะในเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ กลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดระลอกใหม่ โดยพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 617 ราย จากทั้งหมดทั่วประเทศ 677 ราย เมื่อช่วงบ่ายของวันพุธ

นักลงทุนพากันหวาดวิตกเรื่องมาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มงวดส่งผลให้ราคาหุ้นตกลงไป 4% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และฟื้นตัวกลับขึ้นมา 2% ในวันพุธ

นายกรัฐมนตรีฟาม มินห์ ชินห์ ของเวียดนามได้แต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรี 2 คน ให้รับผิดชอบดูแลเรื่องการแพร่ระบาดในเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ พร้อมกับย้ำว่ารัฐบาลคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ และอาจจะมีการสูญเสียทางเศรษฐกิจบ้าง

วีเอ็นเอ็กซ์เพรสและโทรทัศน์วีทีวีของรัฐรายงานว่าเกิดเหตุจลาจลขึ้นในเรือนจำจิฮัวในเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ ตั้งแต่คืนวันอังคารที่ผ่านมา มีทั้งเสียงหวีดร้องและเสียงปืนดังขึ้นด้วย ซึ่งเรือนจำแห่งนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจคัดกรองหาเชื้อ เพราะมีผู้ต้องขังและผู้คุมรวม 81 ราย ที่พบว่าติดเชื้อไวรัส

เครดิตภาพ REUTERS