เวลา 09.35 น. วันที่ 23 ก.พ. นายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นจังหวะที่ดี เพราะเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมาได้แถลงวิสัยทัศน์ “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง” 8 ด้าน ซึ่งหลายๆ ข้อเกี่ยวข้องกับทางกรุงเทพฯ ปฏิเสธไม่ได้ว่าถึงแม้เราพยายามจะกระจายความเจริญไปยังต่างจังหวัด กรุงเทพฯ ก็ยังเป็นประเทศไทยเล็กๆ อันหนึ่ง ซึ่งตนก็ดีใจที่ได้มาเยือน กทม.เป็นครั้งแรก ได้ทราบวิสัยทัศน์และแผน ทั้งระยะสั้น  ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งนโยบายหลายๆ อันก็ล้อไปกับวิชั่นไทยแลนด์ และนโยบายรัฐบาลประเด็นที่ตนฝากกับผู้ว่าฯ กทม. ที่ได้ทำอะไรที่ดีๆ เยอะ แต่ก็อาจจะมีการพูดน้อยไปนิดก็อยากให้มีการสื่อสาร ก็ขอฝากสื่อมวลชนด้วย และหลายเรื่องที่ผู้ว่าฯ กทม.นำเสนอวันนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ซึ่งวันนี้เราก็จะทำงานใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ให้การสื่อสารดีขึ้น เพื่อทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น 

เมื่อถามถึงนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เห็นว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 3 ปีหน้า ไม่ทราบว่ารัฐบาลจะมีการแก้ไขสัญญาสัมปทานอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ขอให้ รมว.คมนาคมเป็นผู้แถลง

เมื่อถามถึงเรื่องฝุ่น แม้ กทม.จะดำเนินนโยบายป้องกันแต่หลายฝ่ายมองว่าเป็นเรื่องเดิมๆ ที่เคยทำมาทุกปีในช่วงที่มีฝุ่น จึงมองว่าการแก้ไขควรจริงจังมากกว่านี้หรือไม่โดยเฉพาะ กทม. ที่มีกฎหมายอยู่แล้ว แม้จะมีการควบคุม แต่ว่าเขตก่อสร้าง หรือแม้แต่รถก็ยังมีการดำเนินการอยู่ดีควรมีนโยบายที่จริงจัง หรือบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดกว่านี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนเห็นว่าจะต้องแฟร์กับทางเจ้าหน้าที่ กทม. ทุกท่านด้วย ซึ่งปัญหาฝุ่นมีทุกปีอยู่แล้ว แต่ปีนี้พิสูจน์ทราบได้ว่าปริมาณลดลงชัดเจน ผู้ว่าฯ กทม.เข้ามาเกือบ 2 ปีแล้ว ท่านได้ทำอะไรดีๆ หลายอย่าง ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ กทม.และคณะกรรมการขอกทม. ไม่ได้ละเลย ดูรายละเอียดทุกรายละเอียด แต่ปัญหาฝุ่น PM 2.5 มีมานานแล้ว รวมถึงเรื่องโครงสร้างอีกหลายอย่าง รวมถึงการขนส่งต่างๆ ที่ต้องใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ ในขณะที่มีท่าเรือคลองเตยอยู่  ซึ่งผู้ว่าฯ กทม.ก็ได้เสนอเรื่องนี้ ทางรัฐบาลก็ได้มีการพูดคุยกันว่า ท่าเรือคลองเตยจะมีการย้ายออกไปหรือไม่ เพราะถ้าหากไม่มีการย้าย ก็จะยังมีการใช้รถบรรทุกขนของต่างๆ ผ่านเข้ามาในเขต กทม.ทำให้เกิดปัญหา PM 2.5 ยืนยันว่าทางรัฐบาลและกทม.ได้พยายามแก้ไขปัญหานี้อยู่ แต่จะให้ทั้งหมดกลายเป็นศูนย์เลย ในระยะเวลานี้ มันก็คงไม่เป็นธรรมกับผู้ว่าฯ กทม.เท่าไหร่  เพราะท่านพยายามทำอย่างเต็มที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ ความจริงจัง และความจริงใจมีอยู่แล้ว 

ขณะที่นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า เรื่องฝุ่นเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ จะต้องวิเคราะห์ให้ได้อย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นจะแก้ผิดจุด ที่ผ่านมาเราดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้อย่างเข้มข้น เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องทางวิทยาศาสตร์ที่ต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบ ในการออกมาตรการต่างๆ เพราะจะกระทบกับชีวิตของประชาชนจำนวนมาก 

‘นายกฯ’ โชว์ปึ้กยันทำงานร่วม ‘ชัชชาติ’ ไร้ปัญหา 

เมื่อถามว่า มีการพิจารณาย้ายท่าเรือคลองเตย การปรับเปลี่ยนตรงนี้ในมุมมองของนายกฯ ได้มีการชั่งน้ำหนักเรื่องการขนส่งที่มีมูลค่า ของท่าเรือคลองเตย กับน้ำหนักเรื่องการแก้ปัญหาฝุ่นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เป็นคำถามที่ดี มันจะต้องดูให้ครบทั้งองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง เฟส 2 และเฟส 3 ถ้าตรงนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว จะต้องล้อกันไป โดยที่จะต้องไม่กระทบกับการส่งออก 

ด้านนายชัชชาติ กล่าวว่า ท่าเรือคลองเตยอยู่ในแผนวาระฝุ่นแห่งชาติอยู่แล้ว ตั้งแต่ปี 2562 ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่อาจจะต้องมีการทบทวน ว่ามันเวิร์กหรือไม่เวิร์กขนาดไหน แต่จะเห็นตัวอย่างจากทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ท่าเรือที่อยู่ในเมืองเขาย้ายออกข้างนอก  เรามีปัญหาเรื่องการควบคุมน้ำทะเลที่หนุนสูง เพราะหากมีเรือใหญ่เข้ามา แล้วน้ำทะเลหนุน เราจะควบคุมอย่างไร เพราะมีหลายปัจจัย  ซึ่งคิดว่านายกฯ จะให้ศึกษารายละเอียดให้รอบคอบอีกครั้ง 

เมื่อถามอีกว่า ความมั่นคงปลอดภัยทางกรุงเทพฯ จะมีการติดกล้อง CCTV นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นหรือไม่เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศ นายกฯ กล่าวว่า CCTV เป็นแค่ปัจจัยเดียว การเอาระบบและเทคโนโลยีต่างๆ ก็จะมีการพิจารณาเพิ่มเติมให้ดีขึ้น 

เมื่อถามอีกว่า ในวาระ 4  ปี นายกฯ อยากเห็นอะไรใน กทม.ในเรื่องการพัฒนามากที่สุด นายกฯ กล่าวว่า มีหลายมิติ ท่านผู้ว่าฯ เองก็พูดไปแล้วทั้งเรื่องความสะอาด ความปลอดภัย การจราจร เรื่อง PM 2.5 และเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของรถแท็กซี่ คนหาบเร่แผงลอย ต่างๆ เหล่านี้ต้องได้รับความเป็นธรรม และทำให้ กทม.เป็นเมืองที่น่าอยู่ 

เมื่อถามต่อว่า การทำงานกับผู้ว่าฯ กทม.จะไม่มีความขัดแย้งกัน สามารถทำงานร่วมกันได้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ผมเชื่อว่าท่านดูจากภาษากาย ท่านคงทราบว่าไม่มีปัญหาอะไรกันเลย ท่านผู้ว่าฯ เชิญผมมา ผมก็ยินดีที่มาและขอขอบคุณด้วย ซึ่งเราเองมีการคุยกันตลอดเวลา ไปที่ทำเนียบรัฐบาลเจอกัน 5-6 คน พูดคุยกันตลอดเวลา ยกหูสายตรงได้ตลอด เรื่องนี้ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้นเลย และไม่เคยมีด้วย”