กรณี เดลินิวส์ออนไลน์ นำเสนอข่าว กรมการปกครอง มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ มท 0309.8/ว 21830 ลงวันที่ 7 กันยายน 2564 แจ้งเวียนหนังสือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเกือบทั่วประเทศ ให้พิจารณาปรับลดลูกจ้างโครงการกำหนดสถานะบุคคล 217 อัตรา ที่ให้บริการในระดับอำเภอ ที่ทำการปกครองจังหวัด และสำนักทะเบียนกลาง จะถูกปรับลดลง 68 อัตรา เหลือเพียง 149 อัตรา เพราะเหตุว่าถูกสำนักงบประมาณปรับลดงบประมาณที่สนับสนุน และพระราชบัญญัติรายจ่ายงบประมาณประจำปี พ.ศ.2565 จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 โดยให้พิจารณาประเมินผลการทำงานของลูกจ้าง และแจ้งกลับไปกรมการปกครองภายในวันที่ 23 กันยายน นั้น

ลูกจ้างโครงการกำหนดสถานะบุคคล แห่โวยถูกเลิกจ้าง อ้างโดนลดงบฯสนับสนุน

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เย็นวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา นายมานะ งามเนตร์ ผู้ก่อตั้งสถาบันเพื่อการให้คำปรึกษา และฝึกอบรมการกำหนดสถานะและสิทธิของบุคคล (สปฝส.) เปิดเผยว่า กรมการปกครองได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ มท 0309.8/ว23742 เรื่องการอนุมัติให้คงกรอบอัตราลูกจ้างเหมาบริการ ตามโครงการดำเนินการด้านสัญชาติและเร่งรัดการให้สถานะบุคคลตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล ประจำปีงบประมาณ 2565 โดยกรมการปกครองมีความเห็นว่า ภาระกิจงานด้านสัญชาติและสถานะบุคคล เป็น 1 ใน 10 นโยบายสำคัญของกรมการปกครอง และเกี่ยวข้องกับพันธกิจระหว่างประเทศ ซึ่งลูกจ้างเหมาบริการตามโครงการดำเนินการด้านสัญชาติและเร่งรัดการให้สถานะบุคคลตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล เป็นกลไกที่สำคัญที่จะทำให้งานด้านนี้ประสบความสำเร็จและบรรลุเป้าหมาย

นายมานะ เผยอีกว่า จึงขอให้ จังหวัด และ อำเภอ คงกรอบอัตราลูกจ้างเหมาบริการตามโครงการฯดังกล่าว ที่กรมการปกครอง ได้อนุมัติส่งเงินจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี และให้พิจารณาจ้างลูกจ้างเหมาบริการรายเดิม เป็นลำดับแรก เพื่อเป็นประโยชน์สูงสุดของทางราชการ และหากจังหวัดใด มีลูกจ้างเหมาลาออก ให้ชะลอการเปิดรับสมัคร จนกว่าจะได้รับการอนุมัติกรอบลูกจ้างเหมาบริการทดแทนตำแหน่งลูกจ้างที่ลาออกไป ส่วนลูกจ้างที่ไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ให้ถือว่ามีอัตราว่างที่ต้องดำเนินการคัดเลือกใหม่ โดยให้ผู้ว่าจ้างจัดทำประกาศรับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อจัดจ้างเป็นลูกจ้างเหมาบริการตามประกาศกรมการปกครอง อยากฝากให้ทางกรมการปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาวางแนวทางในอนาคตถึงการปรับลดอัตราลูกจ้างในโครงการสถานะบุคคล ในปีต่อๆไป เพื่อให้สามารถดำเนินงานทางด้านสถานะบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป