เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วาระ 2-3 ในวันที่ 20-22 มี.ค. ว่า ขณะนี้มี สส. หลายคนได้เตรียมเนื้อหาในการอภิปรายงบฯ วาระ 2 ไว้ โดยหากย้อนดูการทำงานของพรรคก้าวไกล จะเห็นว่า สส.ของพรรคก้าวไกล ที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2567 เมื่อเจอรายการบางรายการ หรือบางโครงการของแต่ละกระทรวง ที่ต้องการจะตัดลดแต่ไม่สามารถตัดได้ในชั้น กมธ. ก็จะนำโครงการที่ไม่คุ้มค่าและไม่เหมาะสมเหล่านั้นมาอภิปรายในวาระ 2 เพื่อให้ทางสภาพิจารณาตัดลด ซึ่งวาระ 1 แตกต่างจากวาระ 2 โดยจะทำการเจาะรายละเอียดแต่ละกระทรวง โดยทางฝ่ายค้านมีผู้ลงชื่อร่วมอภิปรายหลายคน และคาดว่าจะมีเพิ่มอีก ซึ่งในชั้น กมธ. ก็มีหลายโครงการที่นำมาแบ่งปันกับเพื่อน สส. ว่ามีโครงการไหนที่น่าลองหาข้อมูลต่อได้บ้าง

เมื่อถามว่า กระทรวงใดที่มีโครงการมองดูแล้วไม่คุ้มค่า นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า หากมองเรื่องความไม่คุ้มค่าค่อนข้างกระจัดกระจายในทุกกระทรวงก็มีบางโครงการที่เรามองว่าไม่คุ้มค่า และมีความไม่เหมาะสม และยอมรับว่ากระทรวงกลาโหมมีโครงการที่ไม่โปร่งใสในแทบทุกปี เนื่องจากมีเอกสารลับเยอะ ซึ่งมีหลายหน่วยงานที่ส่งเอกสารมาแล้วขอเอกสารคืนจากคณะอนุกรรมการ โดยในส่วนของกระทรวงกลาโหมมีหลายโครงการที่เป็นไฮไลต์เรื่องความไม่คุ้มค่า ไม่เหมาะสม และไม่โปร่งใส

เมื่อถามว่าการอภิปรายงบประมาณของฝ่ายค้านในครั้งนี้จะส่งผลต่อการจัดงบประมาณปี 2568 ของรัฐบาลหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า คาดหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น หากพูดถึงการจัดงบโดยรวม ฝ่ายค้านได้อภิปรายไปแล้วในวาระ 1 รัฐบาลควรยึดเอาแนวคิดในวาระ 1 ไปปรับใช้มากกว่า ส่วนในวาระ 2 นั้นเป็นการส่งสัญญาณถึงหน่วยงานราชการว่าควรจัดโครงการให้มีความคุ้มค่าต่อประชาชนมากที่สุด อย่างไรก็ตาม การอภิปรายงบประมาณมีความแตกต่าง เราจะเห็นการอภิปรายของ สส.อีกชุดหนึ่งที่มีความชื่นชอบด้านตัวเลข โดยผู้อภิปรายจากพรรคประชาธิปัตย์ตนยังไม่ทราบว่ามีใครบ้าง ส่วนพรรคก้าวไกลมาจาก กมธ. ก็จะได้อภิปรายเยอะ เพราะมีข้อมูล และมีเอกสารจากชั้นกรรมาธิการค่อนข้างมาก

เมื่อถามว่า ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้านอยากฝากอะไรถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่บริหารจัดการงบ โดยเฉพาะในการเปลี่ยนแปลงงบครั้งนี้โอนงบไปอยู่ในงบกลางกว่า 8 พันล้านบาท นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า “ฝากไปถึงนายกรัฐมนตรีงบประมาณปี 2568 เป็นงบที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลมีอำนาจเต็ม และเวลาที่จะจัดทำค่อนข้างนานพอสมควร โดยรอบงบฯ ปี 68 เป็นของจริงที่จะต้องเห็นการเปลี่ยนแปลง อย่างที่พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลพูดเอาไว้ว่าประเทศเปลี่ยนทันที ซึ่งตอนนี้ผ่านมา 6-7 เดือนแล้ว วิธีการที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดคือการใช้งบประมาณที่มาจากภาษีของพี่น้องประชาชนว่าจะเปลี่ยนจริงหรือไม่ และคาดหวังว่าจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น”.