เมื่อวันที่ 19 มี.ค. น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือต่อนายธนเดช เพ็งสุข สส.กทม. พรรคก้าวไกล รองประธานคณะกรรมาธิการกิจการทหาร สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการเสียชีวิตระหว่างการรับราชการทหารเกณฑ์ของนายคมทัช พันฤทธิ์ อดีตผู้ช่วยหาเสียงของตน

น.ส.ธิษะณา กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งจากเพื่อนสนิทของนายคมทัช ที่ไม่เปิดเผยชื่อและนามสกุล ว่าพี่สาวของนายคมทัช ได้แจ้งแก่ตนว่า เมื่อวันที่ 19 มี.ค. เวลาหลังเที่ยงคืน นายคมทัชซึ่งอยู่ระหว่างการรับราชการทหารเกณฑ์ กองบัญชาการกองทัพบก ได้กระทำการอัตวินิบาตกรรมตนเอง เสียชีวิตในค่ายทหารของกองทัพบกแห่งหนึ่ง ซึ่งยังไม่ทราบรายละเอียดอย่างแน่ชัดว่าสาเหตุการตายเป็นเพราะอะไร จากสาเหตุดังกล่าว ตนเสียใจและกังวลใจต่อการตรวจสอบสาเหตุในการเสียชีวิต ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจมีเหตุจากแรงจูงใจอื่นที่ถูกกดดันหรือไม่ เนื่องจากตนและนายคมทัช ได้มีการติดต่อกันเป็นระยะ นายคมทัชได้เคยบอกกล่าวความรู้สึกทุกข์ และความยากลำบากในการรับราชการทหารอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งวันที่ 17 มี.ค. เวลา 16.28 น. มีคนแจ้งตนว่า นายคมทัชใกล้จะปลดประจำการแล้ว

น.ส.ธิษะณา กล่าวต่อว่า ตนจึงเห็นสาเหตุของการกระทำอัตวินิบาตกรรมตนเอง และตั้งข้อสงสัยป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แล้วไม่ได้รับการรักษาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งกองทัพไม่มีสวัสดิการดูแลพลทหารหรือนโยบายที่ดูแลผู้ป่วยทางจิตเวช จึงขอให้ประธานคณะกรรมาธิการ กิจการทหารได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยเสนอแนะว่า กองทัพบกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องแสดงความจริงใจและความโปร่งใสโดยการเปิดเผยผลการชันสูตรพลิกศพตาม ป.วิอาญา ต่อหน้าสาธารณชน หรือต่อ กมธ.ทหาร และผู้บังคับบัญชาของนายคมทัช ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดขึ้น รวมทั้งต้องเปิดเผยข้อมูลที่อาจเป็นแรงจูงใจเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต กองทัพบกต้องจัดให้มีมาตรการป้องกันแก้ไขรักษาสภาวะ หรือโรคทางจิตเวชที่เกิดจากการฝึกฝนและการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพลอย่างครอบคลุมและทั่วถึง มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ หากผู้ใดเป็นโรคซึมเศร้าและไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง

นายธนเดช เพ็งสุข รองประธาน กมธ.ทหาร กล่าวว่า ตนได้ทราบเรื่องดังกล่าวตั้งแต่ช่วงบ่ายเมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่ผ่านมา และได้ติดต่อโดยตรงไปยังเจ้ากรมยุทธการทหารบก เพื่อขอทราบข้อมูลโดยละเอียด จนได้รับข้อมูลกลับมาในช่วงค่ำว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งทางกองทัพบกได้ชี้แจงข้อมูลมา โดยยังไม่มีรายละเอียดมากนัก โดยหลังจากนี้ กรรมาธิการจะดำเนินการตรวจสอบในเรื่องที่ถูกตั้งข้อสังเกตอย่างชัดเจน และนำคำตอบมาสู่สังคมให้ได้ ส่วนการดูแลด้านจิตวิทยาต่อกำลังพลในค่ายทหาร ทาง กมธ.ทหาร ได้ตั้งข้อสังเกตนี้ไปยังทั้ง 3 เหล่าทัพ ให้หามาตรการในการดูแลกำลังพล ทั้งในอดีตปัจจุบันและอนาคต เพื่อป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่กองทัพบกได้ชี้แจงเบื้องต้นว่า มูลเหตุมาจากเรื่องชู้สาวนั้น ได้รับทราบหรือยัง นายธนเดช กล่าวว่า ตนตรวจสอบเอกสารของกองทัพบกที่ส่งมาให้กรรมาธิการเมื่อวานนี้ แจ้งว่าพลทหารคมทัช เป็นพลทหาร ตำแหน่งพลลูกมือ สังกัด ร้อย บร.ที่ 3 พัน บร. ปฏิบัติราชการที่โรงเรียนทหารบกอุปถัมภ์โยธินวิทยา ได้กระทำอัตวินิบาตกรรมวันที่ 19 มี.ค. โดยพบว่าเสียชีวิตในเวลา 08.20 น. โดยได้ระบุว่า มีแรงจูงใจจากเรื่องส่วนตัวกับแฟนสาว ซึ่งประเด็นนี้เป็นของกองทัพบก และยังมีหลายมุมมองมาก รวมถึงมุมมองจาก น.ส.ธิษะณา เช่นกัน แต่ทางกรรมาธิการไม่ทิ้งประเด็นใดเลย

ด้าน น.ส.ธิษะณา กล่าวว่า เรื่องนี้จำเป็นต้องพิจารณาจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นความกดดันจากการต้องเข้าไปเกณฑ์ทหาร และการถูกบังคับต่างๆ ที่ตนได้เห็นข้อความที่น้องเล่าเรื่องราวประสบการณ์ของตนในกองทัพด้วย หรืออาจมีปัญหาส่วนตัวซึ่งตนไม่อาจทราบได้ และไม่มีหลักฐานข้อเท็จจริงในประเด็นนี้ เพราะผู้เสียชีวิตไม่เคยได้พิมพ์ข้อความมา แต่ได้ส่งข้อความเรื่องความกดดันของผู้บังคับบัญชาที่กระทำต่อตัวเขามาอย่างต่อเนื่อง ข้อความที่ส่งมามีแต่เรื่องในกองทัพ ไม่มีประเด็นเรื่องส่วนตัว ตนจึงยังไม่สามารถพูดในประเด็นเรื่องส่วนตัวได้ ซึ่งเพื่อนทหารเกณฑ์ด้วยกัน อาจจะทราบถึงเรื่องส่วนตัว ตนก็ไม่ทราบได้ และเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการที่จะทำการสืบทราบความจริงต่อไป และอยากให้ผู้บังคับบัญชาแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดขึ้นด้วย

ส่วนประเด็นเรื่องการชันสูตรพลิกศพ นายธนเดช กล่าวว่า เมื่อคืนนี้ตนได้คุยกับผู้บังคับบัญชา พบว่าญาติไม่ติดใจผลการชันสูตร ซึ่งตนได้กำชับว่า หากญาติเกิดติดใจขอให้กองทัพบกได้อำนวยความสะดวกในการแนะนำให้ญาติไปชันสูตรในโรงพยาบาลเอกชนอีกครั้ง ซึ่งทราบมาว่า ผู้บังคับการกองพันและหน่วยขึ้นตรง ได้ไปพบกับผู้ปกครองของผู้เสียชีวิตแล้วเพื่อเยียวยาในเบื้องต้น ซึ่งตนขอวิงวอนไปยังผู้บังคับกองพัน สอบถามไปยังเพื่อนกำลังพลที่ใกล้ชิดว่า ในช่วงที่ผ่าน นายคมทัช มีภาวะสุขภาพจิตหรือมีเรื่องเคยปรับทุกข์กับเพื่อนบ้างหรือไม่ หรือสอบถามไปยังนายทหารรุ่นพี่ว่าเคยทำอะไรให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจหรือไม่ ซึ่งทางกองทัพบกได้รับประเด็นนี้ไป และจะรีบกลับมารายงานอย่างคณะกรรมาธิการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ลักษณะนิสัยของนายคมทัช ตอนเป็นผู้ช่วยหาเสียง น.ส.ธิษะณา เป็นอย่างไร น.ส.ธิษะณา กล่าวว่า ตอนที่อยู่ด้วยกันไม่มีอาการอะไร เป็นคนทำงาน พักผ่อน ใช้ชีวิต นายคมทัชเคยได้ช่วยตนเป็นผู้ช่วยหาเสียงและช่วยหาเสียงเลือกตั้ง ตั้งแต่การเลือกตั้งซ่อมหลักสี่แล้ว ช่วยงานพรรคอยู่เสมอ ก็เริ่มมีการส่งข้อความมาบ่นเรื่องการนอนไม่หลับตั้งแต่เข้าไปอยู่ในค่ายทหาร ซึ่งอาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคซึมเศร้า.