ตำแหน่งประธาน ส.อ.ท.จึงมีบทบาทสำคัญอย่างมากที่ทุกวงการทั้งรัฐบาลและภาคเอกชนต่างให้ความสำคัญกำลังจะมีการเลือกตั้งประธานคนใหม่วาระปี 67-69 แทน “เกรียงไกร เธียรนุกุล” ประธานคนปัจจุบันที่กำลังจะหมดวาระสมัยแรกเร็ว ๆ นี้

ตามปกติตำแหน่งประธาน ส.อ.ท.สามารถดำรงตำแหน่งต่อได้อีก 1 วาระหรืออีก 2 ปี รวมเป็น 4 ปี ซึ่ง “เกรียงไกร” ได้ประกาศตัวชัดแล้วว่าจะขอต่ออีก 1 วาระตามธรรมเนียมปฏิบัติที่เปิดโอกาสให้ทำได้แต่จู่ ๆ “สมโภชน์ อาหุนัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบมจ.พลังงานบริสุทธิ์ หรืออีเอ ในฐานะรองประธาน ส.อ.ท.คนปัจจุบัน ประกาศลงชิงตำแหน่งประธาน ส.อ.ท.คนใหม่ทำให้บรรยากาศ “ร้อนระอุ” ขึ้นมา เป็นที่จับตาจากทุกฝ่ายทันทีเห็นได้จากบรรยากาศการเปิดตัวแถลงข่าววันแรกที่ออฟฟิศอีเอย่านรัชดาภิเษก กองทัพผู้สื่อข่าวแห่ไปรอฟังจนล้นทะลักทีเดียวเพราะที่ผ่านมาบรรยากาศการเลือกตั้งประธาน ส.อ.ท.คลื่นลมสงบมาหลายปีแล้วหลังจากปี 55 เคยมีความขัดแย้งขั้นรุนแรงถึงขนาดสมาชิกฯ ตั้งโต๊ะขับไล่ประธาน ส.อ.ท.สร้างความโกลาหลจนขึ้นหน้าหนึ่งหลายฉบับมาแล้ว

หลังจากต่างฝ่ายต่างประกาศท้าชิงออกมาช่วงนี้จึงได้เห็นข่าวแปลก ๆ วงใน วนนอกของ ส.อ.ท.หลุดมาทางหน้าสื่อบางครั้งก็หลุดกันในกลุ่มไลน์ของผู้บริหาร ส.อ.ท.อยู่หลายครั้ง บางเรื่องมีแนวโน้มจะจริง บางเรื่องก็เป็นเรื่องปั่นเอากระแสจนทำให้สมาชิกฯ ส.อ.ท.หลายคนที่ยังไม่เป็นกองเชียร์ฝ่ายไหนเป็นพิเศษต้องตั้งสติในการรับข้อมูลอย่างหนักมาก

ประเทศป่วยหนักต้องรีบมา

คำถามจึงถาโถมไปยัง “สมโภชน์” ทันที ทำไมไม่รอให้ “เกรียงไกร” หมดวาระอีกสมัย หรือประมาณอีก 2 ปี? “สมโภชน์” ตอบชัดว่า ตอนนี้ประเทศไทยรอไม่ได้ภาระหนี้ครัวเรือน การลงทุนไม่เข้าถ้ารออีก 2 ปี เปรียบเหมือนคนที่เป็นมะเร็งขั้นที่ 1 ก็อาจจะรอได้แต่ถ้าเป็นขั้นที่ 4 หากรอก็อาจจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วจึงเป็นเหตุผลที่ผมเสนอตัวเข้ามาแข่งขันและยังเป็นความฝันของตัวผมเองด้วยที่อยากจะเป็นคนหนึ่งที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงสังคมไทยอยากเห็นประเทศไทยเจริญอยากเห็นช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยหายไปอยากเห็นคนไทยที่เชื่อมั่นในคนไทยของเราเองว่ามีดีทำได้ไม่ใช่คนที่มีมายด์เซ็ตเป็นผู้แพ้ที่ว่าคนไทยทำไม่ได้หรอกต่างประเทศดีกว่าหมดทั้งที่เรามีคนเก่งในประเทศมากมายนี่คือตัวตนผมและก็ทำสิ่งเหล่านี้มาหลายปี

“วันนี้ผมจึงคิดว่าจะนำเอาประสบการณ์มาต่อยอดสร้างประโยชน์ประเทศเป็นเหมือนอินเนอร์ของผมที่อยากจะทำให้เกิดขึ้นได้จริงผมเชื่อว่าเวทีของสภาอุตสาหกรรมฯ จะเป็นเวทีที่เหมาะสมและเป็นองค์กรที่รัฐบาลให้ความเชื่อมั่นดังนั้นถ้าผมได้ทำหน้าที่นี้จะนำเอาแนวคิดไปขยายต่อให้สมาชิกได้อย่างมีคุณภาพ” ผู้ท้าชิง กล่าวย้ำ

สิ่งที่ “สมโภชน์” เน้นย้ำหลายครั้งว่าอยากทำให้สภาอุตสาหกรรมฯ เป็นหนึ่งเดียวรับฟังเสียงสะท้อนจากสมาชิกทั้งในต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ จะให้ความสำคัญในทุกพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยกกันส่วนเรื่องไหนที่ยังมีคำถามคาใจเกี่ยวกับการทำงานของตัวผมสามารถตรวจสอบผมได้เลย  

พร้อมสู้ศึกสานต่อวันเอฟทีเอ

ขณะที่ “เกรียงไกร เธียรนุกุล” ประธาน ส.อ.ท.คนปัจจุบัน ย้ำชัด ผมพร้อมลงแข่งเป็นประธาน ส.อ.ท.ในวาระที่ 2 เพื่อสานงานของ ส.อ.ท.ให้มีความต่อเนื่องและเห็นผลที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นในสมัยที่ 2 นี้ ต้องการสานต่อนโยบายวันเอฟทีไอ สร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคอุตสาหกรรมให้ประเทศไทยเข้มแข็งกว่าเดิมที่ผ่านมาช่วงเกือบ 2 ปีผมยืนยันว่า มีผลงานที่เป็นรูปธรรมมากมายสร้างความพึงพอใจให้กับสมาชิกทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มสภาอุตสาหกรรมจังหวัดที่ร่วมกันทำงานกันอย่างใกล้ชิดมากกว่าในทุกยุคที่ผ่านมาและอยากให้สานต่อ เช่น การขับเคลื่อนเน็ก เจนอินดัสทรี อุตฯ บีซีจี ร่วมกรมบัญชีกลางจัดโรดโชว์เมดอินไทยแลนด์ 5 ภูมิภาคสร้างโอกาสสู่การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้เอสเอ็มอี และยังมีผลงานอื่น ๆ อีกมากมายที่ต้องการจะสานต่อ

“ที่มีหลายคนมีความฝันอยากจะเป็นประธาน ส.อ.ท. ไม่ใช่เรื่องแปลกเพียงแต่ว่าการคิด การฝันการตีค่าตัวเอง คนที่เลือกเราคือสมาชิกดังนั้นคนที่จะมาเป็นประธานสภาฯ จะต้องมีเวลาให้ ส.อ.ท.มาอย่างน้อย 10-15 ปีขึ้นไป ขณะที่ธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมาประธานสภาอุตสาหกรรมฯ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมประธานกลุ่มคลัสเตอร์และประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดจะดำรงตำแหน่ง 2 บวก 2 คือเป็น 2 ปี และต่อได้อีก 2 ปีเพื่อให้งานมีความต่อเนื่องและต้องพิสูจน์ผลงานให้สมาชิกได้เห็นและเป็นที่ยอมรับ เมื่อมีคนลงรับสมัครแข่งผมก็พร้อมสู้อยู่แล้ว”

วัดพลังคะแนนเสียงใครมา

เห็นได้ว่าทั้งคู่พร้อมที่จะลงสู้ศึกครั้งนี้ถามว่า ณ เวลานี้ฝ่ายไหนเสียงท่วมท้นกว่ากัน? ก็ต้องตอบว่าครั้งนี้ตอบยากจริง ๆ แล้วแต่จะถามกองเชียร์ฝ่ายไหนต่างฝ่ายต่างมองว่าฝ่ายตัวเองคะแนนเสียงท่วมท้น เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับทีมตัวเอง! เพราะกรรมการหลายคนที่เป็นกองเชียร์ออกหน้า ออกแรงสูง มีเดิมพันสูงเช่นกันหากอีกฝ่ายได้รับเลือกตั้งขึ้นมาโอกาสที่ตัวเองจะกลับมารับตำแหน่งเป็นหนึ่งในทีมผู้บริหาร ส.อ.ท.จะจบไปด้วยเช่นกัน แบบในอดีตที่หลายคนต้องจบบทบาทไป

เพราะฉะนั้นวันที่ 25 มี.ค.นี้ จึงเป็นศึกนัดแรกที่เริ่มชี้อนาคตว่าประธานคนไหนจะมา! เพราะเป็นการเลือกกรรมการ ส.อ.ท.ที่มาจากสมาชิกประเภทสามัญ หรือผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่เป็นนิติบุคคลและประกอบการอุตสาหกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน รวมถึงสมาคมการค้าเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมจากสมาชิก ส.อ.ท. 16,000 รายทั่วประเทศ ให้ได้กรรมการ 244 คน เพื่อนำไปรวมกับกรรมการประเภทแต่งตั้งอีก 122 คน มาจากประธานกลุ่มอุตสาหกรรม 46 กลุ่ม และประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัด 76 จังหวัด จะได้กรรมการรวมทั้งสิ้นทั้ง 366 ราย จะไปเลือกประธาน ส.อ.ท.คนใหม่ ภายใน 45 วันหรือประมาณวันที่ 23 เม.ย.นี้ คาดว่าจะรู้ผล

ทำไมเลือกประธานหอการค้าฯ ราบรื่น

เมื่อเห็นศึกชิงประธาน ส.อ.ท.แล้วก็อดไม่ได้ที่ต้องมองข้ามห้วยไปยังสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้าไทย ที่การเลือกประธานสภาหอฯ กลับสงบเงียบ เหมือนจัดวางกันมาไม่เคยมีปัญหาความขัดแย้งออกมาสู่สังคม

ด้วยเพราะระบบการเลือกตั้งสภาหอฯ มีธรรมเนียมปฏิบัติกันมานานอย่างการประชุมกรรมการหอฯ ในวันที่ 27 มี.ค.นี้ ที่ประชุมจะแต่งตั้งรองประธานคนที่ 1 ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าตำแหน่งนี้จะได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานคนต่อไป โดยประธานคนปัจจุบันคือ “สนั่น อังอุบลกุล” ที่กำลังจะหมดวาระรอบที่ 2 ในช่วงเดือน มี.ค. 68 หรือยังมีเวลาอีก 1 ปี แต่จะยังนั่งเป็นประธานอาวุโสหรือเป็นพี่เลี้ยง ประธานคนใหม่อีก 2 ปีเพื่อให้การทำงานของหอการค้าฯ ราบรื่นแบบไร้รอยต่อโดยรองประธานฯ คนนี้มักจะได้รับการคัดเลือกจากประธานทั้งอดีต– ปัจจุบัน จึงทำให้ได้รับการยอมรับด้วยดีเสมอมา

ณ เวลานี้จึงต้องรอลุ้นกันว่าวันที่ 25 มี.ค. ศึกการเลือกกรรมการรอบแรกของ ส.อ.ท.จะร้อนแรงหรือราบรื่น? อย่างไรจะมีบิ๊กเซอร์ไพร้ส์อะไรหรือไม่ อีกไม่กี่วันจะรู้กัน!!!.

ไม่มีธรรมเนียม 2 วาระ
“สุพันธุ์ มงคลสุธี” ประธานกิตติมศักดิ์สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และอดีตประธาน ส.อ.ท.คนที่ 15 ระบุว่าผมมองว่า การที่นายสมโภชน์มาลงสมัครถือเป็นการเสียสละทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมซึ่งนายสมโภชน์แบ๊กกราวด์โตมาจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจนทำธุรกิจประสบความสำเร็จเส้นทางคล้ายกับผม ผมเชื่อว่านายสมโภชน์ จะเข้ามาช่วยเอสเอ็มอีหรือคนตัวเล็กได้ ซึ่ง ส.อ.ท.ถือเป็นสถาบันภาคเอกชนที่ใหญ่มากมีบทบาทในการช่วยขับเคลื่อนประเทศควรมีคนที่มีประสบการณ์และประสบความสำเร็จใน
การทำธุรกิจหรือเก่งเรื่องการบริหารจัดการองค์กรเข้ามาช่วยเนื่องจากทุกวันนี้โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

“ตอนนี้เราต้องมีคนที่มีวิชั่นในการแก้เกมจากเทคโนโลยีที่เข้ามาดิสรัปธุรกิจและใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์และแก้เกมเศรษฐกิจโลกที่ต้องอาศัยผู้ที่มีประสบการณ์ที่มีวิชั่นและมองอนาคตธุรกิจข้างหน้าได้ออกตรงนี้สำคัญมากรวมถึงต้องทำงานร่วมกับรัฐบาลได้ดีในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศซึ่งนายสมโภชน์เก่งทางด้านเทคโนโลยีพลังงานและเก่งในอีกหลายด้าน ผมมองว่าจะสามารถนำพาภาคอุตสาหกรรมของไทยที่มีคนตัวเล็กอยู่ 80-90% ให้เติบโตขึ้นได้”

ส่วนกรณีที่มองว่าตามมารยาทสมาชิกฯ ต้องสนับสนุนให้ประธานสภาอุตสาหกรรมฯ นั่ง 2 วาระรวม 4 ปีหากประธานสภาฯ ต้องการต่อวาระอีก 1 สมัยนั้นเรื่องนี้จะพูดว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติก็ไม่ใช่เป็นเรื่องปกติต้องมีการแข่งขันกันเพราะสมัยผมก็อยู่สมัยเดียว (วาระปี 57-59) นายเจนนำชัยศิริ อดีตประธาน ส.อ.ท.ก็อยู่สมัยเดียวก่อนที่ผมจะมากลับมาเป็นต่ออีก 2 สมัยในเวลาต่อมาปี 61-63 และวาระปี 63-65ซึ่งตอนผมลงแข่งขันในสมัยแรกหลังจากผมชนะแล้ว ก็ไม่มีการเลือกฝั่งเราก็คัดเลือกจากคนที่เหมาะสมในตำแหน่งนั้นๆ เข้ามาทำงานให้ ส.อ.ท.ไม่มีการเลือกว่าใครฝั่งใคร ทุกอย่างก็เดินหน้ามาอย่างเรียบร้อยดี ซึ่งที่มีการพูดถึงการเมืองเข้ามาแทรกแซงในการสนับสนุนนายสมโภชน์ลงชิงตำแหน่งประธาน ส.อ.ท.เรื่องนี้ไม่มีอย่างแน่นอน.

รออีก 2 ปีมาแบบสง่างาม
“อิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต” รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) บอกว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของสมาชิก ส.อ.ท.ที่จะให้เกียรติประธาน ส.อ.ท.ทุกยุคบริหารงาน 2 วาระรวมแล้ว 4 ปีซึ่งทางนายสุพันธุ์เองยังเป็น 3 สมัย 6 ปีเป็นการทำงานต่อเนื่องซึ่งทุกท่านถือเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในการลงรับเลือกตั้งแต่อดใจรออีก 2 ปีได้หรือไม่ เพื่อจะได้เข้ามาแบบสมาร์ทได้รับการยอมรับทุกกลุ่มอุตสาหกรรมทุกภาคจังหวัด ซึ่งนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศในปัจจุบัน ก็ได้รับการยอมรับเข้ามาแบบไม่ต้องเลือกตั้ง ซึ่งผลงาน 2 ปีที่ผ่านมาประกาศนโยบายที่จับต้องได้นำไปสู่การขยายผลในอีก 2 ปีข้างหน้าตามขนบธรรมเนียมประเพณี ที่ปฏิบัติกันมา

นอกจากนี้ยังทำงานในเชิงรุกตลอดเสียสละเวลาทุ่มให้องค์กรสร้างการยอมรับว่าทั้งในและต่างประเทศ เรียนรู้เติบโตในองค์กรเป็นสเต็ป บาย สเต็ปคือค่อย ๆ เติบโตตามเส้นทาง ซึ่งประธานเกรียงไกร ก็ผ่านงานหลายสายงานมาร่วม 20 ปี มีผู้หลักผู้ใหญ่และสมาชิกส่วนใหญ่สนับสนุนตามครรลองคลองธรรมที่ถูกที่ต้อง

อย่างไรก็ตามในมุมมองของผมเอง ผมมองว่าองค์กรอย่าง ส.อ.ท.ต้องเป็นกลางเพราะเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนโดยภาคเอกชนเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจ ต้องไม่อิงการเมืองซึ่งตาม พ.ร.บ.สภาอุตฯ ระบุชัดว่า ห้ามดำเนินการทางการเมืองตอนนี้อยากให้ทุกฝ่ายเคารพในหลักการและธรรมเนียมปฏิบัติ อย่าหูเบาอยากให้สมาชิกฯ ส.อ.ท.ได้ตั้งสติไตร่ตรอง ถึงอนาคตและภาพลักษณ์ของ ส.อ.ท.ที่ควรได้ผู้นำที่มีความสามารถเสียสละ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมไม่ใช่มุ่งแต่ผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องอยากให้ได้มาด้วยความสง่างามเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วน เช่น สมาชิกฯ หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภายใน ภายนอก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้การเลือกตั้งวันที่ 25 มี.ค.นี้เป็นไปอย่างราบรื่นรักษาองค์กรของให้มั่นคงยั่งยืน สืบทอดต่อไป.

ทีมเศรษฐกิจ