ศึกเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ สเตเดียม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อดีตแชมป์ 12 สมัย มีคิวลงดวลเกือก โคเวนทรี ซิตี อดีตแชมป์ปี 1987 จากอีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ

ครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ครองบอลบุกอยู่ข้างเดียว และออกนำไปก่อน 2-0 จาก สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ในนาทีที่ 23 และจากการโหม่งของ แฮร์รี แม็กไกวร์ ในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 45+1 ครึ่งหลังยังเป็น “ผีแดง” ที่เล่นได้เหนือกว่า และมาได้ประตูนำห่างเป็น 3-0 จาก บรูโน แฟร์นันด์ส ในนาทีที่ 58

หลังจากนั้น โคเวนทรี ลุยแหลก และสร้างปาฏิหาริย์รัวคืนได้ 3 ประตูรวดจาก เอลลิส ซิมม์ส นาทีที่ 71, คัลลัม โอแฮร์ นาทีที่ 79 และจุดโทษของ ฮาจี ไรท์ ในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+5 ครบ 90 นาทีทั้ง 2 ทีมเสมอกัน 3-3 ต้องไปลุยกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ ซึ่งก็ยังไม่มีใครทำอะไรกันเพิ่มได้อีก และต้องไปหาผู้ชนะในช่วงดวลจุดโทษ ปรากฏว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ยิงแม่นกว่าเอาชนะไปได้ 4-2 ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบชิงดำเป็นปีที่สองติดต่อกัน

สำหรับในรอบชิงชนะเลิศ แมนฯ ยูไนเต็ด จะผ่านเข้าไปทำศึกล้างตากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี แชมป์เก่า ที่เอาชนะพวกเขาไปได้ในรอบชิงดำปีก่อน ในวันเสาร์ที่ 25 พ.ค.นี้