เมื่อวันที่ 24 มี.ค. นายชนินทร์ รุ่งแสง รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาล ว่า จากที่หลายสถาบันองค์กรทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงภาครัฐและเอกชน อาทิ ธนาคารโลก สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ต่างศึกษาวิเคราะห์ประมาณการเจริญเติบโตเศรษฐกิจหรือจีดีพีของประเทศไทยในปีนี้จะลดลงจากเดิมกว่า 3 เปอร์เซ็นต์ ลงมาเหลือกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสะท้อนถึงการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลตลอด 6 เดือนว่าล้มเหลวอย่างชัดเจน และขาดความเชื่อมั่นในสิ่งที่รัฐบาลจะทำต่อไปในอนาคต ที่สำคัญยังบกพร่องเรื่องจริยธรรม เพราะรัฐบาลทำลายกระบวนการยุติธรรมไทย ทำให้การดูแลนักโทษเกิดสองมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ข้ออ้างหนึ่งที่รัฐบาลชอบใช้แก้ตัว คืองบประมาณแผ่นดินล่าช้าทำให้ไม่มีผลงานนั้น ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล เพราะรัฐบาลมีอำนาจบริหารงบประมาณทั้งก่อนและหลังงบประมาณบังคับใช้ อาทิ การเร่งรัดหลักเกณฑ์การใช้จ่ายงบประมาณ ซึ่งจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในส่วนต่างๆ และเห็นภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้

นายชนินทร์ กล่าวอีกว่า ช่วงเริ่มต้นเข้ามาบริหารประเทศ รัฐบาลประกาศว่าจะทำหลายเรื่อง ทั้งโครงการเติมเงินให้ประชาชนผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท การขึ้นค่าแรง การแก้ปัญหาหนี้สิน แต่ทำสำเร็จเพียงเรื่องเดียวคือ ช่วยนักโทษที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี แม้ที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เดินสายไปต่างประเทศบ่อยครั้ง ซึ่งช่วงแรกเดินทางไปโรดโชว์ขายโครงการแลนด์บริดจ์ แต่สุดท้ายไม่มีใครสนใจชัดเจน จากนั้นเปลี่ยนเป็นเดินแฟชั่นโชว์ขายผ้าขาวม้า นายก ฯอาจรู้สึกภูมิใจนิตยสารดังให้สมญานามเป็นเซลส์แมน แต่สำหรับตนรู้สึกอายคนทั้งโลก เพราะนายเศรษฐาเป็นได้เพียงเซลส์แมนขายฝัน และเป็นผู้นำแฟชั่น แต่ไม่ใช่ผู้นำประเทศ

นายชนินทร์ กล่าวว่า ส่วนโครงการแก้หนี้สินให้ประชาชนนั้น ขณะนี้หนี้สินในและนอกระบบ มีมูลค่าเกือบ 20 ล้านล้านบาท สุดท้ายก็ปิดโครงการ ช่วยได้ไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ของหนี้ทั้งหมด แม้รัฐบาลต้องการแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนสูงและแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ แต่เกิดความลักลั่น เพราะคนในรัฐบาลส่งสัญญาณบ่อยครั้งว่าอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศลดดอกเบี้ย เพื่อให้คนกู้เพิ่ม และยังมีภาพความขัดแย้งกับ ธปท. อีก ดังนั้น รัฐบาลจะต้องส่งเสริมการลงทุนและนวัตกรรมใหม่ โดยสนับสนุนรายย่อย เพื่อการกระจายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เพราะถ้ารากหญ้าตาย รายใหญ่ก็ไม่รอด และถ้าถึงเวลานั้นหายนะของประเทศเกิดขึ้นแน่

“ต้องเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย เพราะการโปรโมตแต่การท่องเที่ยวเหมือนหากินกับของเก่า ขายสมบัติชาติระยะยาว ชูเรื่องนี้อย่างเดียวไม่ได้ ประกาศวิสัยทัศน์ให้ไทยเป็นฮับการท่องเที่ยว ซึ่งไม่ต้องประกาศ ก็เป็นอยู่แล้ว เป็นผู้นำประเทศต้องตามโลกให้ทัน อยากให้ไปดูประเทศสิงคโปร์ที่ผู้นำประเทศประกาศให้ประเทศของเขาจะเป็นฮับด้าน AI” นายชนินทร์ กล่าว