กรณีมีข้าราชการตำรวจหญิงสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงการเข้ามาเป็นตำรวจ 1 ปี การฝึก ประสบเหตุทางศีรษะ ไปรักษาตัวก่อนกลับมาฝึกก็ถูกฝึก ทำโทษหนัก จนเครียดเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ซึ่งมีการแชร์โพสต์ดังกล่าวจำนวนมาก หลายฝ่ายเข้ามาให้กำลังใจและแสดงความเป็นห่วงนั้น จนทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาแสดงความห่วงใย และรีบสอบถามไปยังต้นสังกัด เพื่อเร่งตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ตร. สั่งสอบด่วน! ส.ต.ต.หญิงพลาดถูกเตะหัว ครูฝึกทำโทษสารพัดจนป่วยหนัก

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ที่โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในการดูแลของแพทย์ พูดคุยได้ และได้มีการพูดคุยกับตนหลายเรื่อง น้องโต้ตอบได้ปกติ ส่วนข้อเท็จจริงอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และอาการเครียดของน้องก็มีหลายเรื่อง ตั้งแต่เด็กเลยก็มี และอย่างที่สื่อมวลชนทราบกันดีที่มีการปรากฏในโพสต์โซเชียลของน้อง ก็เป็นรายละเอียดที่ปรากฏตามนั้น

“การที่เป็นตำรวจนครบาล จะต้องมีการฝึกเพื่อไปประจำที่กองร้อยควบคุมฝูงชน แต่เมื่อน้องไม่สามารถที่จะฝึกได้ก็ต้องไปอยู่ที่อำนวยการของ บช.น. แต่พอน้องมีอาการก็ส่งมารักษาที่แผนกจิตเวช ต้องเรียนว่ามีอาการซึมเศร้า ส่วนอาการอื่นขออนุญาตที่จะไม่นำเรียน เพราะเป็นเรื่องของจรรยาบรรณทางการแพทย์กับจรรยาบรรณของตนด้วย ไม่ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องโดนกดดัน ตนให้กำลังใจเด็กคนหนึ่งที่มีความมุ่งมั่นอยากเป็นตำรวจมาตั้งแต่เด็ก เรียน รด.ด้วย และเรียนเก่งมากเลย ได้เกียรตินิยมด้วย และมีความอยากจะมารับราชการอยากเป็นตำรวจ ตนอยากได้คนเหล่านี้มาเป็นตำรวจ ที่อยากเป็นตำรวจด้วยจิตวิญญาณตัวเอง เมื่อกี้ก็ได้พูดกับน้องว่าจะรอมารายงานตัวนะ” รรท.ผบ.ตร. กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าน้องผู้หญิงมีการเข้ามาฝึกขณะที่เป็นตำรวจหญิงแล้ว และการที่ไปฝึกทางต้นสังกัด บช.น.ส่งไป ทำไมต้องส่งไป ตชด. ในเมื่อ บช.น.ก็มีศูนย์ฝึกอบรม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า น้องมีการสอบเป็นตำรวจแล้ว และในเรื่องการส่งไปฝึกอบรมตนขอไปตรวจสอบก่อน แล้วมาดูกันว่าทุกอย่างมีหลักเกณฑ์ ระเบียบอย่างไร ถ้าสิ่งใดที่มันไม่เหมาะสม หรือควรปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ต้องมีการปรับปรุงแน่นอน การฝึกอบรมใดๆ ก็ตาม ผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมจะต้องอยู่ในความดูแลของผู้อำนวยการหลักสูตรนั้น การกิน การอยู่ การฝึก การลา อยู่ในอำนาจของผู้อำนวยการฝึก ที่จะต้องบังคับบัญชาดูแล

ส่วนระหว่างการฝึกในหลักสูตรมีแนวทางการฝึกอย่างไร เนื่องจากว่าเจ้าตัวมีการโพสต์ถึงหลักสูตรในการฝึกที่ถูกกระทำ (ก็คือเตะเข้าที่หัวจนสมองบวมเลือดออกในสมอง) รรท.ผบ.ตร. กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้มีหลักสูตรเช่นนี้ และได้พูดคุยกับแม่ของตำรวจหญิงแล้วพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุจริงในระหว่างที่ฝึก อยู่ๆ หัวไปโดนเท้าของเพื่อน

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าน้องพยายามบอกเล่าเรื่องราวให้สังคมรับทราบว่าถูกกระทำ แล้วถูกกีดกันจากผู้บังคับบัญชา ไม่ให้เผยแพร่เรื่องราวนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวตนเองยังไม่ได้รับทราบ และจะต้องมีการสั่งตรวจสอบ โดยเฉพาะประเด็นใดที่ผู้บังคับบัญชาใช้คำพูดลักษณะไม่เหมาะสมกับผู้ใต้บังคับบัญชา และอะไรที่ไม่ถูกต้องจากผู้บังคับบัญชา จะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

เมื่อถามว่า บช.น. มีกองบังคับการศูนย์ฝึกอบรม แต่ต้องมีการส่งไปฝึกที่อื่นในลักษณะนี้ด้วยหรือไม่ รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า ต้องขอตรวจสอบก่อนว่าหลักปฏิบัติเหมาะสมหรือไม่ หากมีอะไรไม่เหมาะสมจะมีการแก้ไขในอนาคต

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาในการฝึกในห้วงเวลานั้น ขณะนี้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่เรื่องที่เกิดมาตั้งแต่ 2566 เพิ่งมาเกิดเรื่องในตอนนี้นั้น ไม่อยากตอกย้ำในความรู้สึกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำอีก โดยมีการสัญญากับน้องตำรวจหญิงว่าหลังจากการรักษาตัว ขอให้ไปรายงานตัวด้วยตัวเอง และตนจะรอวันนั้น

เมื่อถามว่าส่วนอาการซึมเศร้าเป็นก่อนหรือหลังการรับข้าราชการตำรวจ รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า ต้องขอตรวจสอบก่อน แต่ตนเองได้พูดคุยกับน้องว่าอยากให้สู้และกลับมาเข้มแข็งด้วยตัวเอง โดยไม่พึ่งยารักษา ซึ่งตัวน้องได้สัญญากับตนเองว่าจะดูแลตัวเอง จะดูแลแม่และจะดูแลยาย อย่างไรก็ตาม อยากฝากสื่อมวลชนอย่านำข้อความภายในจดหมายไปเผยแพร่ เพื่อตอกย้ำความรู้สึกของน้อง เพราะกังวลว่าความคิดน้องจะถอยหลังกลับ เพราะขณะนี้น้องกำลังใจกำลังดีขึ้น และกำลังเดินหน้าเพื่อรักษาตัวเอง