เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 มี.ค. 2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณาญัตติด่วน ขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้ ครม. แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153

โดย นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ สว. อภิปรายถึงปัญหาด้านเศรษฐกิจของชาติและปากท้องประชาชน ว่า เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 66 ตนเป็นคนหนึ่งที่ลงมติเห็นชอบให้ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาวันที่ 11 ก.ย. 66 รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา วันนี้ตนใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 เพื่อให้ ครม.แถลงข้อเท็จจริงการบริหารราชการแผ่นดิน อัตราการเติบโตเศรษฐกิจของประเทศไทย เต็มศักยภาพอยู่ที่ ร้อยละ 35 แต่ด้วยการคาดการณ์ของเศรษฐกิจในปี 67 จากเดิมคาดว่าขยายตัวเกิน ร้อยละ 3 แต่วันนี้ได้ปรับการแก้การคาดการณ์ใหม่ ทั้งจากภาครัฐ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย และภาคเอกชน คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวโตต่ำกว่า ร้อยละ 3 คำถามจึงมีว่าไทยโตต่ำกว่าศักยภาพที่มี หรือศักยภาพเศรษฐกิจไทยต่ำจึงไม่โต

นายสถิตย์ กล่าวต่อว่า ตนมีคำถามถึงรัฐบาล 9 ข้อ ดังนี้ 1.รัฐบาลจะมีนโยบายเชิงโครงสร้างทำให้เศรษฐกิจเติบโตเต็มศักยภาพหรือมากกว่านั้นได้อย่างไร  การเติบโตที่ดีต้องเติบโตอย่างทั่วถึง และไม่เพียงจะมีประชาธิปไตยทางการเมืองแต่ต้องมีประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจด้วย 2.รัฐบาลจะมีเป้าหมาย การลดความเหลื่อมล้ำ เปิดที่ 62 จังหวัด ที่เติบโตน้อยได้ยังไง 3.รัฐบาลมีแผนที่ชัดเจนในการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจสี่ภาคอย่างไร 4.รัฐบาลมีนโยบายที่จะจัดสรรรายได้ท้องถิ่นให้ถึง ร้อยละ 35 หรือไม่อย่างไร 5.รัฐบาลผลักดันเกษตรอัจฉริยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตเพิ่มของภาคการเกษตรอย่างไร 6.รัฐบาลมีแนวทางที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างไร 7.รัฐบาลมีนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ในการบูรณาการนโยบายซอฟต์พาวเวอร์สาขาอย่างไร ได้มีการพัฒนาทักษะหนึ่งครอบครัวหนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ไปแล้วมากน้อยเพียงใด ผ่านทางกลไกหรือหน่วยงานใดและจะดำเนินการจัดตั้ง THACCA เมื่อใดโดยวิธีการใด 8.รัฐบาลจะผลักดันไปใช้ Digital ID กับ Digital Payment ให้ทุกหน่วยงานเข้ามาอย่างไร รวบรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลมาไว้ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือไม่อย่างไร และ 9.รัฐบาลจะมีเป้าหมายระยะยาวในการให้ประเทศพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางหรือไม่อย่างไร.