เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ที่สำนักงานทนายษิทรา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ตั้งโต๊ะแถลงข่าว เปิดโปงขบวนการเรียกรับส่วย เชื่อมโยงบิ๊กตำรวจระดับนายพล พร้อมเปิดหลักฐานเส้นทางการเงิน ภาพกล้องวงจรปิด สลิปการโอนเงิน และแชตข้อความต่างๆ นานราว 1 ชั่วโมง ที่เชื่อมโยงตำรวจระดับสูง รวม 3 นาย ยศ “ด.ต.” 1 นาย “พ.ต.ท.” 1 นาย และ “พล.ต.อ.” 1 นาย

ทนายตั้ม เล่าย้อนว่า เมื่อก่อนในปัจจุบันมีอำนาจดูแลเพียง 2 กองบังคับการ คือ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) และกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ (คอมมานโด) ต่อมาหลัง พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง หรือบิ๊กแจง ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ได้เลื่อนขึ้นไปเป็นตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร.

จากนั้นบิ๊กตำรวจก็ได้ส่งลูกน้องเข้าไปดูแลงานใน สอท. แทน ซึ่งมีผลประโยชน์มากมายมหาศาล เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศ

ทนายตั้ม ยังเปิดเผยเกี่ยวกับเส้นเงินของบัญชีม้ามีการโอนเงินจำนวน 700,000 บาท เข้าบัญชีทอดกฐิน สร้างวิหารวัดแห่งหนึ่งด้วยซึ่งในการนำข้อมูลมาเปิดเผยครั้งนี้ ไม่ได้รับงานใครมาและไม่ได้มีใครอยู่เบื้องหลัง แต่ต้องการให้สังคมรับรู้ข้อมูล แม้จะรู้ว่าอาจได้รับอันตรายจากการออกมาเปิดเผย แต่ยอมรับว่า ก่อนจะมีการแถลงข่าว ได้มีนายตำรวจใหญ่ติดต่อมาเพื่อขอทราบข้อมูล แต่ไม่ได้ขอให้ยกเลิกการแถลงข่าว รวมถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ก็โทรศัพท์มาขอให้ยกเลิก เนื่องจากเกรงว่าจะส่งผลกระทบทำให้ไม่ได้กลับเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ตนเองยืนยัน จะนำข้อมูลมาเปิดเผย

ทั้งนี้ ในระหว่างการแถลงข่าว ทนายตั้มยังได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เพื่อประสานนัดหมาย นำเอกสารหลักฐารทั้งหมดเข้าแจ้งความในวันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม เวลา 11.00 น.

ทนายตั้ม กล่าวทิ้งท้ายว่า หากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เห็นการแถลงข่าวและเห็นว่าข้อมูลที่นำมาเปิดเผยมีประโยชน์ ต้องการขอข้อมูลเพิ่มเติม ก็ยินดีจะเข้าไปพบด้วย.