เมื่อวันที่ 27 มี.ค. เวลา 09.25 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล  นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) ช่วยเหลือหญิงไทยที่ถูกหลอกไปค้าประเวณีในต่างประเทศ โดยหลอกให้บอกไปทำอาชีพนวด ว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากหญิงไทยโดนหลอกไปทำงานในร้านสปา ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  และถูกบังคับให้ขายบริการ ตนจึงส่งเรื่องให้ ศรส. ประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครดูไบ เพื่อช่วยเหลือหญิงไทยรายนี้กลับประเทศไทย ขณะเดียวกัน พม.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปพูดคุยกับครอบครัวของหญิงไทยคนดังกล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือครอบครัวของหญิงไทยรายนี้ในเบื้องต้น ทั้งในส่วนของพ่อ แม่ และลูก สำหรับสาเหตุที่หญิงคนดังกล่าวต้องไปทำงานในต่างประเทศนั้น เป็นเพราะรายได้ไม่เพียงพอในการดูแลครอบครัว รวมถึงมีปัญหาหนี้สินและการศึกษาของลูก


นายวราวุธ กล่าวอีกว่า กรณีของหญิงไทยคนดังกล่าวติดต่อผ่านเอเจนซี่ที่ไม่น่าถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้การเข้าเมืองเป็นไปโดยไม่ถูกต้อง และหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ถูกเจ้าของกิจการยึดไว้ ทั้งนี้เราจะประสานช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม กรณีนี้เป็นอีกหนึ่งกรณีที่ทำให้กระทรวงต้องประชุมเกี่ยวกับเรื่องวิกฤติประชากร เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา มีความเกี่ยวข้องกัน หากสังคมเราสนับสนุนคนวัยทำงานให้มีงานทำในท้องถิ่น ก็ไม่จำเป็นต้องจากถิ่นฐานไปทำงานที่อื่นหรือต่างประเทศ และหากผลักดันการดูแลเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ก็จะทำให้สภาพสังคมไทยมีความน่าอยู่ และสร้างความมั่นใจให้กับคนวัยทำงาน และคนรุ่นใหม่ที่จะไปทำงานและมีครอบครัว ผู้สื่อข่าวถามว่าดูเหมือนปัญหาลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง กระทรวง พม. มีศูนย์ในต่างประเทศที่จะคอยช่วยเหลือ และดูแลอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า เรามีศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาสังคมสำหรับคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ โดยศูนย์นี้จะทำงานประสานงานกับกลุ่มสตรีไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งตนรับทราบว่าเครือข่ายสตรีไทยที่อยู่ในทวีปยุโรปมีความเข้มแข็ง ทั้งในประเทศอิตาลี เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี และอีกหลายพื้นที่ ดังนั้น เครือข่ายสตรีไทยในต่างประเทศจึงเป็นกลไกสำคัญที่ พม.จะใช้เข้าไปแก้ปัญหาเบื้องต้นในกรณีเร่งด่วน  ส่วนระยะยาวนั้น กลุ่มสตรีแม่บ้านไทยในต่างประเทศจะเป็นกลุ่มสำคัญที่จะส่งข้อมูลกลับมาที่ พม.หรือประสานงานกับหน่วยงานอื่นเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นรายกรณี