สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 มี.ค. เกี่ยวกับความคืบหน้า เหตุเรือบรรทุกสินค้า “ต้าหลี่” ติดธงชาติสิงคโปร์ ชนเข้ากับตอม่อของสะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ หรือ สะพาน ไอ-695 ซึ่งเป็นสะพานหลักของเมืองบัลติมอร์ ส่งผลให้สะพานพังถล่มลงสู่แม่น้ำปาตาปัสโก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา


สำนักงานตำรวจรัฐแมริแลนด์ยืนยัน การเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย เป็นชายชาวเม็กซิโก วัย 35 ปี และชายชาวกัวเตมาลา วัย 26 ปี ทั้งคู่เป็นคนงานก่อสร้างกะดึกในคืนวันเกิดเหตุ และศพของทั้งคู่ติดอยู่ภายในรถกระบะสีแดง จมอยู่ใต้น้ำที่ระดับความลึก 7.6 เมตร

อย่างไรก็ตาม นักประดาน้ำยังไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ ซึ่งระบบโซนาร์ตรวจพบว่า ร่างของผู้สูญหายอีก 4 คน อาจติดอยู่บริเวณนี้ เนื่องจากหลายปัจจัยที่ยังไม่เอื้ออำนวยให้กับการเข้าถึงบริเวณนั้น


นอกจากนี้ ระบบโซนาร์พบว่า อาจมียานพาหนะอีกหลายคันติดอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังของสะพานด้วย ซึ่งต้องมีการเก็บกู้ชิ้นส่วนเหล่านี้ก่อน เพื่อให้นักประดาน้ำสามารถเข้าถึงร่างของผู้สูญหายทั้งหมด


ด้าน พล.ร.ท.ปีเตอร์ โกทิเยร์ รองผู้บัญชาการกองกำลังยามฝั่งสหรัฐ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้รับกล่องบันทึกข้อมูลการเดินเรือ หรือกล่องดำของเรือต้าหลี่แล้ว และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเชื่อมั่นว่า เรือลำนี้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ แม้เรือบรรทุกน้ำมันมากกว่า 1,000 ล้านแกลลอน และสารเคมีอีกหลายชนิดมาด้วย จนถึงตอนนี้ มีตู้คอนเทเนอร์เพียง 2 ตู้ จากทั้งหมด 4,700 ตู้เท่านั้น ที่หล่นลงไปในทะเล ซึ่งเป็นผลจากแรงกระแทกรุนแรง หลังเรือชนเข้ากับตอม่อสะพาน


ขณะที่ข้อมูลจากสำนักงานเจ้าท่าสิงคโปร์ระบุว่า เรือต้าหลี่ผ่านการทดสอบความพร้อม ในการเดินเรือออกต่างประเทศสองครั้ง เมื่อปี 2566 และเข้ารับการซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ล่าสุด เมื่อเดือน มิ.ย. ปีที่แล้ว ทั้งนี้ ทางการสิงคโปร์ส่งทีมงานเดินทางไปยังสหรัฐ เพื่อร่วมสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์ครั้งนี้เช่นกัน


ส่วนบริษัทซินเนอร์จี มารีน ของสิงคโปร์ ซึ่งเป็นเจ้าของเรือลำที่เกิดเหตุ ออกแถลงการณ์ว่า ลูกเรือพยายามทอดสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ทว่าไม่ทันเวลา และสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) เทน้ำหนักไปที่ประเด็นอุบัติเหตุ ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า เรือต้าหลี่พุ่งชนระพาน ภายในเวลาราว 2 นาที หลังส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ ว่าเชื้อเพลิงบนเรือหมด ซึ่งส่งผลให้เรือสูญเสียกำลังลอยและการทรงตัว


ตอนนี้ ทางการรัฐแมริแลนด์ปิดท่าเรืออย่างไม่มีกำหนด นับตั้งแต่เกิดเหตุ และการท่าเรือแห่งนี้ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 9 ของสหรัฐ คาดว่า กลไกห่วงโซ่อุปทานจะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


อนึ่ง สะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ มีช่องทางการจราจรไปและกลับรวม 4 ช่องทาง มีความยาวประมาณ 2,632.3 เมตร เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ เมื่อเดือน มี.ค. 2520 โดยชื่อของสะพานได้รับการขนานนาม เพื่อเป็นเกียรติแก่นายฟรานซิส สกอตต์ คีย์ ผู้ประพันธ์เพลง “เดอะสตาร์ สแปงเกิลด์ แบนเนอร์” ซึ่งเป็นเพลงชาติสหรัฐ.

เครดิตภาพ : AFP