เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 29 มี.ค. ที่ห้องสุรวงศ์ บอลรูม 2-3 โรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “นักธุรกิจรุ่นใหม่กับโอกาสในการสร้างธุรกิจและการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ” ตอนหนึ่งนานประมาณ 1 ชั่วโมง ว่า วันนี้สับสนหน่อยว่ามาในฐานะอะไร มาในฐานะอสังหาริมทรัพย์คงไม่ได้แล้ว หรือมาในฐานะศิษย์เก่า แต่มาในฐานะนายกฯ ตนก็ค่อนข้างจะสับสนนิดหน่อย แต่ไม่เป็นอะไร จะพยายามทำให้ดีที่สุด เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องพูดกัน

“ในสถานการณ์ที่เปราะบางในปัจจุบันนี้ ดอกเบี้ยแพงโคตรขนาดนี้ ควรจะลดตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่ลด ตนว่ามันตลก ใครเป็นแฟนใครก็แล้วแต่ แต่ความจริงก็เห็นอยู่เงินเฟ้อลด 0.8 แม้เอามาตรการรัฐสนับสนุนลดค่าใช้จ่ายไปแล้ว แต่เงินก็เฟ้อ ก็ยังไม่ลดดอกเบี้ย พวกเราก็เดือดร้อนพอสมควร ผมเองก็เป็นคนอสังหาริมทรัพย์มาก่อน จะเรียกร้องให้มันหนักกว่านี้ ผมก็มีความลำบากใจ เดี๋ยวจะหาว่าไปทำเพื่อตัวเองอีก แต่เรื่องดอกเบี้ย เป็นเรื่องสำคัญที่กำหนดกำลังซื้อ วันนี้ขอถามตรงๆ อสังหาริมทรัพย์มีใครพูดเรื่องเก็งกำไรหรือไม่ ก็ไม่มี ไม่มีใครโง่ไปเก็งกำไรหรอก อย่ามีทิฐิเลยดีกว่า บังเอิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไม่มีอำนาจตรงนี้ เลยไม่สามารถทำได้ ที่พูดไปเพื่อจะเห็นว่า เรื่องอสังหาริมทรัพย์ทำอะไรได้อีกหลายอย่าง เรื่องกำลังซื้อดอกเบี้ย ขึ้นดอกเบี้ยไม่ลดกำลังซื้อ ก็ลักษณะเป็นบ้านเดี่ยวก็มี กฎก็ยังไม่เปลี่ยน เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญที่เราพยายามผลักดันอยู่ การเก็งกำไรเลอะเทอะ เลิกไปได้แล้ว เรื่องบางเรื่อง เห็นอสังหาฯ เป็นผู้ร้ายตลอดเวลา เวลามีวิกฤติอะไร เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจก็เป็นเรื่องสำคัญ วันนี้อย่าพูดเลยดีกว่า ว่าเป็นเรื่องของการมีวิกฤติหรือไม่วิกฤติ เป็นวาทกรรมเพียงเท่าไหร่ก็ไม่จบ“ นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวต่อว่า ตนไปเมืองนอกมา 10 กว่าครั้ง ไปประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าประเทศไทยเปิดแล้วเพื่อรองรับการลงทุน คนที่ไม่ใช่แฟนคลับบอกไปตั้งหลายคน อะไรก็ไม่เกิด ขอถามหน่อยว่า 7 เดือน มีใครตกลงได้ลงทุนเป็นแสนล้าน คุณจะทำคอนโดฯ หมู่บ้านจัดสรร ใช้เวลาตัดสินใจเท่าไหร่กว่าจะตรวจเสาเข็ม ผลงานยังไม่ออก คอยไปก่อน วันนี้ขี้เกียจไปตอบ ผู้ที่นั่งข้างใน อยู่บนหอคอยทั้งหลาย ลงมามือเปื้อนดิน ตีนเปื้อนโคลนบ้าง นโยบายนี้การเดินทางไปเมืองนอกไม่สนุก ประเทศไทยปิดมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ตารางงานตนแน่น ก็เพื่อให้เกิดการกระตุ้นการลงทุน แต่งบประมาณยังไม่ได้ใช้สักบาท เพิ่งผ่านไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ใช้แต่นโยบายอย่างเดียว ที่ประกาศไป

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ตนเป็นนายกฯ คนแรกที่ลงในพื้นที่ภาคใต้ 2 คืน 3 วัน ความเสี่ยงมีไหม ก็มี แต่ถ้าดู ตนไม่ให้มีใครใส่เสื้อเกราะหรือทหารใส่รถถังตามมา เพราะตนมั่นใจว่าไปด้วยเจตนารมณ์ที่ดี ไปด้วยความตั้งใจจริง และขอหาเสียงนิดหนึ่ง เพราะพรรคเพื่อไทยไม่มี สส. ที่นั่น อย่าไปเชื่อวาทกรรมที่ผู้นำบางท่านพูดว่าเพื่อไทยไม่เคยให้ความสำคัญกับภาคใต้ สนามบิน จ.ภูเก็ต พรรคเพื่อไทยไม่มี สส. แต่ลงทุนไปหลายหมื่นล้านบาท ก็จะไปสร้างให้ก่อนที่จะสร้างสนามบิน ส่วนเรื่องสำคัญ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ถ้าไม่มีสนามบินสุวรรณภูมิ วันนี้เราอยู่ตรงไหนของโลก ขนาดสนามบินดอนเมืองเปิดวันนี้ ยังเต็มแน่นเอี้ยด มีสนามกอล์ฟข้างๆ อีก เครื่องบินลงก็ลำบาก แต่มีวาทกรรมบอกว่านายกฯ เลียรองเท้าบู๊ตบ้าง อะไรบ้าง ตนไม่ได้เลีย แต่เราพูดคุยด้วยภาษาที่เหมาะสม ตนไม่ได้ไปบอกว่าทหารมีพื้นที่เยอะไป ยึดพื้นที่มา ไม่ใช่ตน ไม่ได้ไปยึด หรือไปขอ ไปพูดคุย และไม่ได้บอกว่าจะไปยึดคืนทุกที่ แต่ไปขอร้อง ไปอธิบายให้ฟัง หากท่านคืนสนามกอล์ฟตรงนี้มา ประโยชน์กับประเทศไทยจะไปขนาดไหน ท่านต้องการอะไรเป็นผลตอบแทน ตนให้เอาสนามกอล์ฟออกไป อาจจะทำเป็นศูนย์ซ่อมเครื่องบินของโบอิ้งหรือแอร์บัส หรือเป็น private just ที่เราต้องการระดับเข้ามา ซึ่งเรื่องนี้สำคัญ และต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 

“การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นความจำเป็น ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตอย่างเดียว แต่อีกหลายเรื่องที่จะต้องทำ ซึ่งเราจะทำต่อไป แต่ผลที่จะเกิดขึ้น คงต้องอีกพอสมควร คิดว่าประมาณ 18 เดือน ปีงบประมาณไปแล้ว 6 เดือน ยังไม่ได้ใช้งบประมาณสักบาท ในวันที่ 1 พ.ค. ใช้ได้เหลืออีกแค่ 5 เดือน งบประมาณตัวนี้บวกกับงบประมาณตัวหน้า 24 เดือน ก็ใช้ไปแค่ 16 เดือน ฉะนั้นจะมีการลงทุนเยอะมาก อันนี้เป็นเรื่องของข่าวดี และข่าวดีอีกเรื่อง คือมีนายกฯ ที่เข้าใจ Probusiness และมีความตั้งใจจริง ที่จะทำให้ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการผลิตการลงทุน การจัดซื้อจัดจ้าง เราจะดูทั้งหมด เพราะเราทราบดี เคยทำมาก่อน ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด และขอให้เป็นกำลังใจ และขอให้มีความอดทนต่อไป“ นายกฯ กล่าว.