เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 67 ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงตระหนักถึงความสำคัญของป่าไม้ประเทศไทย ถึงแม้ว่าจะมีความหลากหลายทางชีวภาพและสภาพทางภูมิอากาศ และตั้งอยู่ภายใต้อิทธิพลของมรสุมสองชนิด คือ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ จึงทำให้มีความหลากหลายของระบบนิเวศและพรรณพืชหลายชนิด

แต่ปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้มีสภาพเสื่อมโทรม และมีแนวโน้มลดลงอย่างมาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทอดพระเนตรเห็นปัญหา ทรงได้รับสั่งให้ดำเนินงานอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้เพื่อเป็นแนวทางหลักในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ อาทิ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (อพ.สธ.) และการจัดตั้งธนาคารพืชพรรณ รวมถึงทรงสนับสนุนให้มีการรวบรวมพันธุ์พืชเฉพาะถิ่น พืชหายากและใกล้สูญพันธุ์ ตลอดจนประโยชน์ของพืชชนิดต่าง ๆ การทำเกษตรกรรม และเพื่อสนองพระราชดำริโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ วช.จึงได้สนับสนุนทุนวิจัย เพื่อร่วมอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรพันธุกรรมพืชและทรัพยากรให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ

ดร.วิภารัตน์ กล่าวต่อไปว่า วช.ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในฐานะหน่วยงานสนองพระราชดำริโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งแต่ปี 2535 อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน จึงสนับสนุนทุนวิจัยให้ นายพุทธพงษ์ สร้อยเพชรเกษม นักวิชาการเกษตร รศ.พีระศักดิ์ ฉายประสาท แห่งคณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร ทำการศึกษาวิจัยเรื่องการศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพและขยายพันธุ์มันม่วง (Dioscorea alata L.) เพื่อการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน สนองโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพของมันป่าด้วยเทคนิคเครื่องหมายดีเอ็นเอ ศึกษาวิธีการขยายพันธุ์และวิธีการปลูกมันป่าเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี เพื่อศึกษาวิธีการทำเมล็ดเทียมสำหรับการอนุรักษ์พันธุกรรมและขยายพันธุ์มันป่า พร้อมวิเคราะห์ปริมาณสาระสำคัญ ได้แก่ saponin และ diosgenin พร้อมสร้างแปลงรวบรวมสายพันธุ์มันป่าสำหรับเป็นธนาคารพันธุกรรมพืชต่อไป

ทางด้าน รศ.พีระศักดิ์ กล่าวว่า จากการศึกษาวิจัยโครงการดังกล่าวพบว่า มันป่ามีคุณค่าทางโภชนาการที่ดี อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน น้ำตาล วิตามิน แคลเซียม โซเดียม ไฟเบอร์สูง แคโรทีนอยด์ และแอนโทไซยานินรวมอยู่ ทั้งนี้ ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระในการป้องกันและยับยั้งโรคเบาหวาน รวมถึงสามารถลดระดับไขมันในเลือด นอกจากนี้การรับประทานมันเลือดยังสามารถช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศ และช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งเต้านม โรคหลอดเลือดหัวใจ ได้อีกด้วย

ทีมวิจัยได้ทำการสำรวจและจำแนกชนิดของมันป่า พบว่า มันป่า มีอยู่ด้วยกัน 13 ชนิด ในเขตภาคเหนือตอนล่างของประเทศ แบ่งตามลักษณะการใช้ประโยชน์ได้ 7 ชนิด โดยแบ่งเป็นการใช้ประโยชน์ทางอาหาร 5 ชนิด อาทิ กลอย มันเลือด มันแซง มันมือเสือ และมันคันขาว และการใช้ประโยชน์ทางเภสัชกรรม 2 ชนิด ได้แก่ กลิ้งกลางดง และยั้ง

ผลสำเร็จจากโครงการวิจัยนี้มีส่วนช่วยป้องกันการสูญพันธุ์ เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงส่งเสริมให้คนในชุมชนตระหนักและหวงแหนที่จะร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรทางพันธุกรรม ตลอดจนใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายในประเทศอย่างยั่งยืน ส่งเสริมความรู้การใช้ประโยชน์ เป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหารบนฐานความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในประเทศไทยได้อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต