เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เรื่องนี้ตนทราบตามข่าว ส่วนตัวไม่ได้หวั่นไหวอะไร คิดว่า 7 เดือนที่ผ่านมาทำหน้าที่ตามกรอบ ตามข้อจำกัดของงบประมาณ ฉะนั้นคิดว่า หากเป็นไปตามนโยบายของผู้ใหญ่แล้วตนก็ไม่ขัดข้อง แต่คิดว่าเรามีการขับเคลื่อนในฐานะพรรคแกนนำ คือพรรคเพื่อไทย แม้ว่ากระทรวงเกษตรฯ จะประกอบด้วยรัฐมนตรีที่มาจากพรรคต่างๆ แต่การทำงานไม่มีอุปสรรค ระยะแรกอาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่กว่าจะลงตัว กว่าจะเป็นทีมเดียวกันหลายคนก็ทราบ หลังจากนี้ งบประมาณผ่านสภาไปแล้ว การทำงานจากนี้ก็จะเป็นช่วงการวัดผลว่า จะเป็นไปตามนโยบายหรือไม่ เพราะฉะนั้นเรื่องข่าวการปรับ ครม. ก็แล้วแต่นโยบายของผู้ใหญ่

เมื่อถามว่ามีการส่งสัญญาณมาหรือไม่ นายไชยา กล่าวว่า ไม่มี ตนก็ทำหน้าที่ เพราะมีตารางงานที่วางแผนไว้แล้ว อย่างวันนี้มีการหารือกับทางการจีนถึงแนวทางในการส่งออกสินค้าปศุสัตว์​ และวัวไทยไปจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ เราได้ทำตั้งแต่เข้ามาตำแหน่งเดียวซึ่งกระบวนการได้ทำตั้งแต่เรารับตำแหน่งแล้ว ตอนนี้เป็นหน้าที่ของทูตไทยในการเจรจากับทางจีน ว่าการที่เรามีหนังสือให้หน่วยงานทางด้านศุลกากรที่รับผิดชอบการนำสินค้าส่งไปจีน ให้มาตรวจฟาร์มที่ประเทศไทย หากทำได้ตามนี้ เป้าหมายการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ก็จะดีขึ้น รวมถึงราคาก็จะดีขึ้น

เมื่อถามว่า ตอนที่ไปเชียงใหม่นายทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวอะไรหรือไม่ นายไชยา กล่าวว​่​า แค่ไปรดน้ำดำหัวท่าน ผมเป็นนักการเมือง ผมไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น

“ผมห่วงแค่ว่าหากปรับ ครม.แล้วเราวางเป้าหมายเพื่อตอบโจทย์แก้ไขปัญหาของประชาชน อย่าลืมว่าพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจากตั้งรัฐบาล และกระทรวงเกษตรฯ เป็นกระทรวงที่ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ วันนี้งบปี 2567 ออกแล้ว ปี 2568 ก็กำลังจะดำเนินการ เราต้องแก้ปัญหาให้กับประชาชนให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำ เพราะอีสานต้องการเรื่องน้ำอย่างเดียว ไปถามชาวบ้าน ผมเป็นผู้แทนมา 9 สมัย เขาไม่ได้ต้องการรถไฟลอยฟ้า ไม่ได้ต้องการรถไฟความเร็วสูงแต่เขาต้องการน้ำ เพราะฉะนั้นเมกะโปรเจกต์​ที่เราจะทำในภาคอีสาน คือการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ซึ่งกรมชลประทาน มีโครงการบริหารจัดการน้ำโขง ชี และมูล โดยระบบแรงโน้มถ่วงซึ่งงบประมาณก็มีแล้วผ่านการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ปี 2563 แต่ไม่มีการขับเคลื่อน แก้ไขลงโทษทำแรงใช่ไหม ดังนั้นถ้าจะปรับ ครม. กระทรวงเกษตรฯ ต้องอยู่กับพรรคเพื่อไทย” นายไชยา กล่าว

เมื่อถามว่า มองว่า เร็วเกินไปหรือไม่หากจะมีการปรับ ครม. ตอนนี้ นายไชยา กล่าวว่า เร็วเกินไป เนื่องจากเราเพิ่งเข้ามา 7 เดือน งบประมาณที่เราใช้ไปพลางก่อนเป็นงบประจำ เป็นเงินเดือนค่าตอบแทน แต่งบลงทุนเราแทบไม่ได้ขับเคลื่อน

เมื่อถามย้ำว่า กระทรวงเกษตรฯ ต้องอยู่กับพรรคเพื่อไทย มองว่าการปรับ ครม. ครั้งนี้ต้องรวมไปถึงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการฯ ด้วยหรือไม่ ที่ควรต้องเป็นของพรรคเพื่อไทย นายไชยา กล่าวว่า ตนมองในภาพรวม ในฐานะที่เราเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล กระทรวงเกษตรฯ เป็นกระทรวงที่อยู่กับวิถีชีวิตชาวบ้าน ฐานเสียงของเพื่อไทยอยู่ที่อีสาน ตอนนี้เราได้เสียงเป็นกอบเป็นกำที่อีสาน แต่เราตอบโจทย์คนอีสานเรื่องอะไรบ้าง เรื่องระบบชลประทาน เรื่องน้ำ เรื่องงบประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาทเกือบแสนล้านบาท ลงไปที่อีสานเท่าไหร่ เรื่องราคาพืชผลการเกษตร ข้าว เหล่านี้อยู่กับวิถีชีวิตของคนอีสาน องคาพยพของกระทรวงเกษตรฯ ทางด้านอุตสาหกรรม เปลี่ยนแนวคิดของเกษตรกร ว่าการผลิตทุกวันนี้ไม่ใช่การผลิตเพื่อปริมาณอีกแล้ว แต่เป็นการผลิตและวิเคราะห์ตลาดว่าต้องการอะไร เหล่านี้คำถามคือ องคาพยพของกระทรวงเกษตรฯ ได้ตอบโจทย์เหล่านี้เพียงพอหรือยัง

“ถ้าจะปรับกันจริงๆ หรือเวลาจากนี้ไปจนกว่าจะถึงเลือกตั้งจะกี่ปีก็ช่าง ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นผมนั่งตรงนี้ ใครก็ได้ที่เป็นของพรรคเพื่อไทย แม้แต่กระทรวงคมนาคม เรามีรัฐมนตรีว่าการ รัฐมนตรีช่วยเป็นทีมเดียวกัน วันนี้แม้เราจะอยู่ต่างพรรคก็ตาม เราก็ไม่มีปัญหา อันนี้พูดเชิงหลักการว่าเพื่อไทยเป็นแกนนำต้องขับเคลื่อนอย่างไร ผมอยากตอบโจทย์พี่น้องประชาชนที่เลือกผมมา” นายไชยา กล่าว.