เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่รัฐสภา นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ถึงการได้มาซึ่ง สว. ด้วยการเลือกกันเอง 3 ระดับ โดยไทม์ไลน์กำหนดให้เปิดรับสมัครวันที่ 13 พ.ค. ว่า ตนเชื่อว่าจะมีผู้สมัครจำนวนมาก ถึง 2 แสนคน ดังนั้นอาจจะมีปัญหาและข้อร้องเรียนเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ตนมองการรณรงค์ของคณะก้าวหน้า ต่อการให้ประชาชนสมัครเข้าไปโหวต สว. นั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ เพื่อต้องการผู้โหวตอิสระสู้กับผู้สมัครที่มีการจัดตั้งจากนักการเมืองบ้านใหญ่ในพื้นที่ ส่วนประเด็นการฮั้วกันที่จะเกิดขึ้นนั้น ด้วยระบบที่ให้เลือกกันเองตาม 20 สาขาวิชาชีพ และเลือกไขว้นั้น เชื่อว่าจะสามารถทำให้การฮั้วกันทำได้ยาก อีกทั้งการลงคะแนนให้กันถือว่าไม่ผิดกฎหมาย ยกเว้นจะมีการซื้อเสียงหรือให้ผลประโยชน์ ซึ่งประเด็นดังกล่าว ขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบให้ดี ในประเด็นการใช้เงินซื้อเสียง นอกจากนั้นแล้ว กกต. ควรพิจารณาทบทวนค่าสมัครจากเดิมที่กำหนดค่าสมัครที่ 2,500 บาท เหลือ 500 บาท เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงการสมัครและสมัครได้มากขึ้น

เมื่อถามว่ามองประเด็นการฮั้วกันหรือการยื่นเรื่องให้พิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ จะทำให้การเลือกของ สว. สะดุดหรือไม่ นายปริญญา กล่าวว่า อาจมีประเด็นเกิดขึ้นได้ ทั้งใน 2 กรณี แม้ตามกติกา กกต. มีอำนาจประกาศผลภายในระยะเวลาเท่าใด แต่เป็นกรณีที่ไม่มีปัญหา แต่หากมีปัญหาเกิดขึ้น เช่น การร้องเรียนตั้งแต่ระดับอำเภอที่มีผู้สมัครจำนวนมาก จะดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ ตนขอให้จับตาให้ดีหากการประกาศผลเลือก สว. ใหม่ ต้องยืดเวลาออกไป ที่มีผลต่อการดำรงอยู่ของ สว. ชุดที่มาจาก คสช.​ ที่ต้องทำหน้าที่รักษาการไปจนกว่ามี สว. ชุดใหม่ เกี่ยวกับอำนาจเลือกนายกฯ ในรัฐสภา แม้บทเฉพาะกาล มาตรา 272 จะกำหนดให้มีอำนาจ 5 ปี นับแต่มีสภา แต่อาจมีคนที่ไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความได้ หากมีปัจจัยที่ต้องการทำให้เปลี่ยนตัวนายกฯ.