เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 พ.ค. ที่สำนักงานเพจสายไหมต้องรอด ซอยสายไหม38 กทม.นายพิพัฒน์พงศ์ ไวทยากูร อายุ 42 ปี ทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านไอที บริษัทแห่งหนึ่ง สภาพมีขอบตาและใบหน้าบวมช้ำเดินทางเข้าขอความช่วยเหลือกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด

นายพิพัฒน์พงศ์ กล่าวว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา มีกลุ่มผู้ก่อเหตุ 3 คน ประกอบด้วย นายนุ นางโอ สามีภรรยา และ สาวประเภท2 อีก1 คน ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของตน บุกมาทวงหนี้ จำนวน 45,000 บาท ที่ห้องพักชั้น 6 ที่คอนโดลีโว ซอยลาดพร้าว 18 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.

นายพิพัฒน์พงศ์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนกับเจ้าหนี้เคยเป็นเพื่อนร่วมทำธุรกิจพระเครื่องด้วยกัน ต่อมาเมื่อปี 2565 ตนยืมเงิน 45,000 บาท และชดใช้เงินไปแล้ว 10,000 บาท ยอดหนี้ก็จะเหลือ 35,000 บาท ระหว่างนี้ตนช่วยซ่อมรถ ซ่อมบ้าน ให้เจ้าหนี้ คิดว่าจะเป็นการหักลบกลบหนี้ได้ กระทั้งเวลาผ่านมา 1 ปี เพื่อนที่เป็นเจ้าหนี้กลับมาทวงเงินจำนวนดังกล่าวอีกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยพูดถึง ตนคิดว่าเจ้าหนี้ยกหนี้ให้แล้ว

ทั้งนี้กลุ่มผู้ก่อเหตุมาเคาะประตูหน้าห้องเปิดประตูออกไปเห็นว่ากลุ่มพวกก่อเหตุ 3 คนพยายามที่จะเข้ามาในห้องพัก ตนจึงปิดประตูล็อคห้อง แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุถีบประตูพังเข้ามา ชกต่อยตนเอง ฝั่งผู้ก่อเหตุพยายามที่จะเอาทรัพย์สินมีค่าของตนไป ระหว่างเกิดเหตุมีชายชื่อว่าเบนซ์ ทราบว่าเป็น ซึ่งรู้จักกับเจ้าหนี้ โทรติดต่อมาหาเจ้าหนี้ แล้วบอกว่ากำลังมาที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นเจ้าหนี้บอกกับตนว่าให้ออกไปข้างนอกห้แงพัก

หลังจากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คนคุมตนขึ้นรถเก๋งยาริส สีขาว ไม่ทราบทะเบียนขับออกจากคอนโดไป ระหว่างทางจอดรับชายชื่อเบนซ์ อายุประมาณ 35-40 ปีขึ้นมาบนรถ และพามาที่บ้านหลังหนึ่ง ย่านท่าน้ำนนท์ จ.นนทบุรี

หลังจากนั้น กลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน แยกตัวออกไปตัวออกไปและปล่อยให้ชายคนชื่อเบนซ์ ทรมานข่มขู่รีดไถเงิน เบนซ์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยนาวิกโยธิน และเริ่มใช้วิธีการทรมานที่แปลกอย่างเช่น เล่นเกมรูเล็ต เกมที่ใช้กระสุน 1 นัดใส่เข้าไปในลูกโม่ จากนั้นก็หมุนลูกโม่แล้วเหนี่ยวไก

สุดท้ายนายพิพัฒน์พงศ์ ขอต่อรองขอผ่อนจ่ายหนี้ ซึ่งฝั่งได้เบนซ์ ตกลง แค่ต้องชำระเงินต้นพร้อมดอกเสียดอกเบี้ย รวมเป็นเงิน 600,000 บาท โดยฝั่งนายเบนช์ ตั้งข้อตกลงคือให้ผ่อนชำระเดือนละ 100,000 บาท ทุกวันที่ 18 ของเดือน ก่อนถูกปล่อยตัว

นายพิพัฒน์พงศ์ กล่าวต่ออีกว่า ตนมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากยอดหนี้เดิม 45,000 บาท ตนใช้ไปแล้ว 10,000 บาทเหลือ 35,000 บาท แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าตนต้องมาใช้หนี้ ถึง 6 แสนบาท รวมทั้งถูกทำร้ายร่างกาย พร้อมข่มขู่เอาชีวิต ครั้งนี้ตนจึงอยากมาร้องให้ทางสายไหมต้องรอดช่วยติดตามตัว ผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี

ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ กล่าวว่า หลังจากได้รับร้องเรียนได้ส่งให้ทีมงานลงพื้นที่ไปดูจุดเกิดเหตุ ก็พบว่าวงกบประตูถูกพังเข้าไปจริง หลังจากนั้นก็ได้ไปตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดก็พบว่าในวันเกิดเหตุมีกลุ่มผู้ก่อเหตุมาพังประตูเข้าไปจริง นอกจากนี้จากการสอบถามชาวบ้าน ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงก็บอกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงๆ หลังจากนี้จะพาผู้เสียหายเข้าไปแจ้งความที่สน.สุทธิสาร แล้วก็ประสานทางผู้กำกับให้เร่งรัดทางคดี เชื่อว่าตำรวจน่าจะจับตัวผู้ก่อเหตุมาได้อย่างแน่นอน

ต่อมาเวลา 12.30 น. นายเอกภพ พานายพิพัฒน์พงศ์ ผู้เสียหายเข้าพบพ.ต.อ.พรเทพ เฉลิมเกียรติ ผกก.สน.สุทธิสาร และพนักงานสอบสวนสนสุทธิสารเข้าแจ้งความเรื่องที่เกิดเหตุขึ้น โดย พ.ต.อ.พรเทพ กล่าวว่า เบื้องต้นสอบปากคำผู้เสียหายไว้แล้วได้ข้อมูลเป็นประโยชน์ต่อการติดตามจับกุมกลุ่มผู้กระทำความผิด เนื่องจากรู้จักกลุ่มผู้ก่อเหตุ จะให้ผู้เสียหายไปชี้ที่เกิดเหตุตามจุดต่างๆ นอกจากนี้ยังให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดจุดเกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงเพื่อใช้ประกอบดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายต่อไป.