เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่ โรงแรมอัศวิน เขตหลักสี่ กทม. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดประชุมชี้แจง เรื่องการดำเนินการให้ได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) แก่ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุล สถานกงสุลกิตติมศักดิ์ และองค์กรระหว่างประเทศประจำประเทศไทย โดยมี นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เป็นประธานในการประชุมชี้แจง  และ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ร่วมประชุมชี้แจง

นายแสวง กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมชี้แจงผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุล สถานกงสุลกิตติมศักดิ์ และองค์กรระหว่างประเทศประจำประเทศไทย ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยเพื่อให้ทราบว่า การดำเนินการจัดเรื่อง สว.เป็นไปด้วยความโปร่งใส ซึ่งเป็นการชี้แจงตามปกติอยู่แล้ว อีกทั้ง ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุล สถานกงสุลกิตติมศักดิ์ และองค์กรระหว่างประเทศประจำประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทยก็ทราบถึงความศิวิไลซ์ของเราอยู่แล้ว แต่เรื่องการเลือก สว.อาจจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนไทย และทูตด้วย เพราะมีความสลับซับซ้อน จึงถือโอกาสในการชี้แจงทำความเข้าใจว่ากระบวนการได้มาซึ่ง สว.ของไทยมีความโปร่งใสอย่างไร

นายแสวง กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์การรับสมัคร สว. ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้าย ได้รับรายงานจาก ผอ. สำนักงาน กกต. ในแต่ละจังหวัด การสมัครวันนี้ (24 พ.ค.) เป็นวันที่คึกคักมากที่สุดในช่วง 5 วันที่ผ่านมา แต่ยังไม่ทราบยอดผู้สมัครทั้งหมดจำนวนเท่าไหร่ ยืนยันภาพรวมการสมัครเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และระบบสามารถรองรับหากมีผู้มาสมัครจำนวนมาก ทั้งนี้ หากผู้สมัครไปถึงสถานที่รับสมัครก่อนเวลาปิดรับสมัคร 16.30 น. รับสมัครให้กับทุกคนจนเสร็จสิ้น

ทั้งนี้ แม้จะสมัครไม่ครบทุกกลุ่ม ในระดับอำเภอ กฎหมายก็รองรับไว้ให้สามารถเดินหน้ากระบวนการเลือกได้ หรือในอำเภอไหนไม่มีผู้สมัครเลยก็ไม่ต้องดำเนินการเลือกในอำเภอนั้น โดยไม่กระทบกับการเลือกของกลุ่มหรืออำเภออื่น

อย่างไรก็ตาม มีบางพื้นที่พบว่ามีการไปสมัครเป็นกลุ่มก้อน แต่การสมัครเช่นนั้นไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็นความผิด ก่อนที่จะวินิจฉัยถูกหรือผิดจะต้องดูพฤติกรรมว่ามีการกระทำอันเป็นความผิดหรือไม่ ซึ่ง กกต. มีข้อมูลรายงานเรื่องการสมัครเป็นกลุ่ม แต่ไม่ได้ชี้ชัดว่าผู้สมัครดังกล่าวเป็นการฮั้วการเลือกหรือไม่ และ กกต. ต้องจับตาเป็นพิเศษต่อบุคคลกลุ่มดังกล่าวว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายการฮั้ว การให้คะแนนกัน หรือมีพฤติกรรมอย่างไร

“จะต้องพิจารณาพฤติกรรมจากวันรับสมัคร ซึ่ง กกต. มีเจ้าหน้าที่ติดตามในแต่ละพื้นที่อยู่แล้วว่า เมื่อผู้สมัครได้สมัครแล้วยังคงอยู่ในพื้นที่หรือมีพฤติกรรมอย่างไร ซึ่งคนที่จะติดต่อกันคือผู้สมัครกับผู้สมัคร มั่นใจว่า กกต. สามารถดูแลเรื่องนี้ได้ ขณะเดียวกันชี้ว่าประชาชนและสื่อมวลชนก็ต้องมีส่วนร่วมติดตามจับตาด้วยหากพบว่ามีกลุ่มใดหรือคณะใดมีพฤติกรรมดังกล่าวสามารถแจ้ง กกต. เพื่อช่วยให้การเลือกเป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม” นายแสวง กล่าว

เมื่อถามถึงขณะนี้มีกระแสข่าวว่ามีพรรคการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงมีการวางตัวบุคคลบางคนเป็นประธานวุฒิสภา นายแสวง กล่าวว่า ตนก็ฟังจากข่าว แต่กฎหมายห้ามพรรคการเมือง สมาชิกพรรคการเมือง เข้ามาช่วยผู้สมัคร และผู้สมัครต้องไม่ยินยอมให้พรรคการเมืองเข้ามาช่วย เนื่องจากขัดต่อกฎหมาย ซึ่งจากกระแสวิพากษ์วิจารณ์แสดงความเห็น กกต. ได้ติดตามรับฟัง.